หาม “ชุมพล ศิลปอาชา” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ส่ง รพ.มิชชั่น หลังหายใจไม่ออก หมดสติในทำเนียบ ก่อนส่งต่อไปที่รามาฯ “บรรหาร” พี่ชายเผยแพทย์ทำบอลลูนหัวใจเพราะเส้นเลือดหัวใจตีบสองเส้น ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.40 น. ระหว่างที่นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปฏิบัติภารกิจที่อยู่ที่ห้องทำงานชั้น 3 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอเป็นประธานการประชุม World Expo 2020 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในเวลา 10.00 น. ปรากฏว่า นายชุมพลได้เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก น้ำลายฟูมปาก หน้าซีด นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย หลานชายซึ่งอยู่ภายในห้องด้วยจึงรีบโทรศัพท์ประสานขอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธรับตัวเข้ารักษาพยาบาล ขณะที่รถโรงพยาบาลวิชัยยุทธไปรับผิดที่ โดยไปที่รัฐสภา ปรากฏว่าระหว่างรอนายชุมพลได้เกิดหมดสติ นายวราวุธและผู้ติดตามตัดสินใจใช้รถยนต์ส่วนตัวนำตัวนายชุมพลส่งโรงพยาบาลมิชชั่นแทน ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากที่สุด เจ้าหน้าที่ได้ยกตัวนายชุมพลลงจากห้องทำงานมาพร้อมเก้าอี้ และขอร้องสื่อไม่ให้บันทึกภาพ ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลแพทย์เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายชุมพลเข้าห้องฉุกเฉิน โดยได้เข้าตรวจดูอาการ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายชุมพลมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจและเคยทำ by pass
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า แพทย์จากโรงพยาบาลมิชชั่นตัดสินใจส่งต่อไปรักษาตัวที่ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลมิชชั่น ร่วม 1 ชั่วโมง อาการยังคงทรงตัวและยังไม่ดีขึ้น ขณะที่นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายนิกร จํานง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงคนใกล้ชิด และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมทั้งคณะสื่อมวลชนได้เดินทางมาเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดแล้วเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงอาการล่าสุดของนายชุมพล ภายหลังเข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาลว่า เมื่อเวลา 09.00 น. นายชุมพลได้เกิดอาหารแน่นหน้าอกจึงได้นำส่งที่โรงพยาบาล โดยที่ระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้นได้เกิดอาหารหมดสติแพทย์จึงปั๊มหัวใจขึ้นมา และทำการรักษาโดยเบื้องต้นเส้นเลือดในหัวใจตีบสองเส้นแพทย์จึงทำบอลลูนให้ โดยในตอนนี้อาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ทั้งนี้ อาการที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนที่นายชุมพลได้เคยเป็นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่าสาเหตุอาการที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดจากการที่นายชุมพลทำงานหนักเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ซึ่งตนก็เคยได้เตือนแล้วว่าให้แบ่งงานให้รัฐมนตรีช่วยทำบ้าง ซึ่งนายชุมพลก็ไม่ยอม โดยคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนอาการก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ ส่วนการเข้ารักษาตัวในครั้งนี้จะกระทบการบริหารงานหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นปัญหา เพราะว่าตนก็ได้เข้ามาช่วยอยู่เสมอ ทั้งนี้หากอาการของนายชุมพลหายดีแล้ว ตนจะให้เข้าทำบายพาสหัวใจตามที่แพทย์เคยแนะนำเมื่อ 3 ปีก่อน
