“หมอวรงค์” เรียกร้อง “บุญทรง” แจงเช็ค “สยามอินดิก้า-ไอ้ปาล์ม” แนะรัฐบาลตัดเนื้อร้ายทิ้งก่อนลุกลาม เล็งยื่น ป.ป.ช.-ปปง.ฟัน “ปู” ฐานสมรู้ร่วมคิด ขณะที่ รมว.พาณิชย์ และขรก.ที่เกี่ยวข้องเจอข้อหาทุจริตจำนำข้าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า หลังจากฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะสังเกตเห็นว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อให้กระแสสังคมเข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกเองว่ามีการเปิดแอลซีจากรัฐบาลต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้กลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเป็นแอลซีจ่ายเป็นเช็คก็ได้ จึงอยากถามว่าหลักฐานที่พรรคฝ่ายค้านแสดงให้เห็นเป็นเช็คที่มาจากบริษัท สยามอินดิก้า นายบุญทรงจะว่าอย่างไร
ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลต่างประเทศจะแต่งตั้งบริษัทใดให้ทำการรับข้าวแทนรัฐบาลไทยเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้นั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น เพราะหลักฐานที่ฝ่ายค้านแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่อ้างว่าประเทศจีนมอบหมายเอาข้าวไปเวียนขายให้กลับโรงสีในประเทศ จึงเหมือนกับกล่าวหาว่าประเทศจีนเอาจีทูจีอ้าง และปล่อยให้เอาข้าวมาเร่ขาย ดังนั้นนายบุญทรงต้องแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้ นอกจากนั้น ช่วงที่ผ่านมานายบุญทรงพยายามแก้ต่างให้กับบริษัท GSSG Import-Export Coperation แต่ในส่วนของการสั่งจ่ายข้าวให้ตัวบุคคล คือ นายรัฐนิธ โสถิกุล หรือไอ้ปาล์มนั้น อยากถามนายบุญทรงว่า รัฐบาลประเทศใดแต่งตั้งให้นายรัฐนิธเป็นตัวแทนรับข้าวแทนรัฐบาลของเขา
“เชื่อว่านายบุญทรงอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะจากการอภิปรายฝ่ายค้านได้เอาหลักฐานทุจริตมาผูกมัด 2 ตราสัง คือ หลักฐานที่โกหกประชาชนว่าขายข้าวจีทูจีแต่ขายให้บริษัทที่ใกล้ชิดโดยไม่ต้องประมูล และเส้นทางการจ่ายเงินที่มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งในทางการเมืองนั้นหากชี้แจงไม่ได้ก็ไม่ควรจะอยู่อีกต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินรัฐบาล หากนายกฯ ไม่รีบตัดทิ้งจะลุกลามและทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้”
นพ.วรงค์กล่าวว่า ในวันที่ 3 ธ.ค. ตนจะรวบรวมเอกสารต่างๆ ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ป.ป.ช.ไปขยายผลและชี้มูลความผิดต่อไป โดยตั้งเป้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในข้อหาสมรู้ร่วมคิด รวมทั้งนายบุญทรง และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะดำเนินการกับใครบ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะสาวไปถึงได้ เพราะป.ป.ช.ก็สามารถชี้มูลความผิดเอกชนได้ด้วยเช่นกัน และในวันที่ 4 ธ.ค.ก็จะนำข้อมูลเส้นทางการเงินยืนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบความพัวพันเส้นทางทางการเงิน ส่วนความเคลื่อนไหวของโกดังข้าวหลังการอภิปรายยังคงเงียบอยู่