“ส.ว.คำนูณ” ไม่เข้าใจตำรวจบล็อกพื้นที่ม็อบเข้าลานพระรูปฯ ชี้น่าคิดรัฐหวังให้ปะทะหรือไม่ รับใช้แก๊สน้ำตาทำรุนแรง ส่อชาวบ้านโกรธเข้าร่วมม็อบเพิ่ม งง รบ.ได้เปรียบแต่ไม่ใช้สันติวิธีจัดการ ชักหวั่นลามเข้าสภาสนามซักฟอก “ส.ว.ประสาร” ระบุรัฐพลาด อาจเป็นน้ำผึ้งหลายหยด แนะเปิดทางม็อบเข้า ปล่อยตัวคนถูกจับ ด้านเลขาฯ ครป.ยันเกินกว่าเหตุชัด รัฐสร้างสถานการณ์ให้รุนแรง สับตำรวจมองประชาชนเป็นศัตรู ฉะทำเหมือนเอาใจ รบ. บอกไม่จำเป็นใช้ พ.ร.บ.
วันนี้ (24 พ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรัฐบาลถึงเลือกใช้วิธีการบล็อกพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมจะใช้เป็นช่องทางที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และถึงบล็อกพื้นที่โดยรอบ โดยประเด็นนี้ทำให้คิดไปได้ว่า รัฐบาลต้องการให้เกิดการปะทะหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ตำรวจตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง
“เหตุการณ์นี้เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนโกรธแค้น และออกมาร่วมชุมนุมมากขึ้น ขณะนี้รัฐบาลถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบทางการเมืองแต่ทำไมถึงไม่ใช้ความได้เปรียบดำเนินการทางสันติวิธี เช่น ประกาศรับฟังปัญหาจากแกนนำองค์การพิทักษ์สยาม หรือพบปะพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา” นายคำนูณกล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า ตนกังวลว่าการชุมนุมดังกล่าวซึ่งทับซ้อนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน ในวันที่ 25 พ.ย. จะทำให้กลายมาเป็นประเด็นที่อภิปรายกันในสภาฯ และอาจทำให้การอภิปรายซักฟอกรัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าได้
ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเนชั่นว่า เป็นการตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลที่มีการปิดกั้นการชุมนุมของประชาชนซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่า เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวจะกลายเป็นเหตุการณ์น้ำผึ้งหลายหยดที่จะนำไปสู่ปัญหา และเกิดการบานปลายอย่ารุนแรง ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดทางให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุม รวมถึงเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าด้วย นอกจากนั้น ขอให้ปล่อยตัวประชาชนที่ถูกจับ ไม่เช่นนั้นตนกังวลว่าจะเป็นเหตุที่นำไปสู่ความหายนะ
“กลุ่มสยามสามัคคีเห็นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ดังนั้น ขอให้รัฐบาลเคารพสิทธิดังกล่าว” นายประสารกล่าว
ขณะที่ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การชุมนุมโดยสงบตาม รธน. ม.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่อำนวยความสะดวก และดูแลความสงบเรียบร้อย แต่การสลายการชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตาเป็นการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกินกว่าเหตุ และเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ การชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะการชุมนุมที่สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ตำรวจมีหน้าดูแลความเรียบร้อย และภาพที่ปรากฏตำรวจกลับมองผู้ชุมนุมเป็นศัตรู เป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นทัศนคติแบบเก่า และการสกัดกั้นการชุมนุมก็ไม่สามารถทำได้ ปฏิบัติการครั้งนี้เหมือนตำรวจไม่ใช่ตัวของตัวเอง เหมือนกำลังทำงานเพื่อเอาใจรัฐ
นายสุริยันต์ กล่าวอีกว่า ไม่ว่าการชุมนุมจะเรียกร้องอะไร และการชุมนุมจะบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่ จะได้รับการยอมรับจากสังคมเอง ไม่จำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ความรุนแรงในการปราบปราม แต่ตำรวจกลับคิดเองว่าการชุมนุมจะรุนแรงจึงใช้กำลังสลาย นอกจากนี้ การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ของรัฐบาลมองว่าไม่มีความจำเป็น แต่ถ้ารัฐจะหาเครื่องมือมารับมือดูแลการชุมนุมก็ทำได้แต่ไม่ควรนำมาเพื่อใช้ในการปราบปรามผู้ชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง