นายกรัฐมนตรีเผยพอใจผลประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชา เผยทุกประเทศร่วมผลักดันเอฟทีเอเป็นธรรมทุกประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศ รวมทั้งหาแนวทางเชื่อมโยงนอกกลุ่มอาเซียน พร้อมหารือเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ ด้านสหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อต้านการค้ามนุษย์ และอาชญากรรม
วันนี้ (20 พ.ย.) เว็บไซต์ www.thaigov.go.th ได้รายงานบทสัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทย เกี่ยวกับผลการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยสรุปสาระสำคัญว่า การประชุมครั้งนี้หลายประเทศได้หารือในกรอบอาเซียนและประเทศคู่เจรจา โดยเห็นว่าประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ทุกประเทศร่วมกันผลักดัน คือ เขตการค้าเสรีที่เป็นธรรมกับทุกประเทศ ทั้งนี้ อาเซียนจะต้องมีความพร้อมด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ และระดับภูมิภาค จึงเป็นที่มาของการประชุมครั้งนี้ ที่ทุกฝ่ายต้องทบทวนเพื่อก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 ว่า สิ่งใดที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นเศรษฐกิจ ไทยเห็นว่านอกจากจะให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเจริญเติบโตแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศด้วย โดยได้มีการหารือระหว่างการประชุม ว่านอกจากความสำคัญเรื่องการเชื่อมโยง ต้องดูความสำคัญทางกายภาพด้วย คือ กฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนการค้าตามแนวชายแดน เพื่อให้การค้าของประเทศเพื่อนบ้านมีความเจริญเติบโตควบคู่กันไป และต้องหาแนวทางให้เกิดความเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มประเทศอาเซียน
นายกฯ กล่าวว่า มีโอกาสได้หารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรองรับภัยพิบัติ ที่ประเทศต่างๆ จะร่วมกันรับมือและการสำรองอาหาร เพื่อรับมือกับการแก้ปัญหากรณีเกิดภัยพิบัติกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการดูแลระดับภูมิภาคได้ นอกจากนี้ยังมีการหารือการแก้ไขปัญหาร่วมกันในภูมิภาค ที่ทุกประเทศควรร่วมมือให้เกิดความสงบ มีสันติภาพ ภายใต้กฎระเบียบต่างๆ เพื่อใช้เป็นกติกาในการทำงานร่วมกันต่อไป
ส่วนการหารืออาเซียนกับสหรัฐฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญร่วมมือในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนต่อต้านการค้ามนุษย์และอาชญากรรม และบทบาทของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความแข็งแรงสู่ภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ พอใจในภาพรวมของการประชุมครั้งนี้ เพราะไทยได้เห็นการเติบโตการพัฒนา สำหรับการผลักดันให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคุยกับคู่ค้าที่ใกล้ชิด ต้องเร่งเชื่อมโยงความสัมพันธ์ เพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างกัน ระหว่างอาเซียน เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน ขณะเดียวกัน ต้องทำงานร่วมกันกับประเทศคู่เจรจาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐฯ จีน เกาหลี อินเดีย ควบคู่กันไปด้วย รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมในประเทศให้แข็งแกร่ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียน กับประเทศจีน ได้พูดคุยถึงบทบาทในภูมิภาคและปัญหาทะเลจีนใต้ ในภาพรวมเห็นตรงกันที่จะปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือทางทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นกรอบที่ใช้ในความร่วมมือในการเดินทะเล ใช้เส้นทางเดินเรือไปสู่สันติภาพ ให้เกิดการค้าการลงทุนและทุกประเทศ เห็นพ้องต้องกันให้พัฒนากรอบปฏิญญานี้ไปสู่แนวทางการปฏิบัติต่อไป