รองโฆษกทัพบกเผยเตือนกำลังพลไม่มีนโยบายให้ร่วมม็อบ แต่ยินดีให้แสดงความเห็นได้ ย้ำต้องเป็นกลาง หวั่นทำงานลำบาก ระบุเอกสารถอดยศ “อภิสิทธิ์” ไม่มีอะไรเพิ่ม ยันกองทัพตรงไปตรงมา
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธานในวันที่ 24 พ.ย.นี้ว่า ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ได้มีการประสานเพี่อขอกำลังทหารไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินสถานการณ์ก่อนว่าเกินกำลังขีดความสามารถของตำรวจหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพบกก็มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยราชการอื่นๆ อยู่ตลอด ซึ่งจากสถานการณ์ขณะนี้ที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง โดยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์พยายามเชื่อมโยงกองทัพในมิติต่างๆ ทำให้กองทัพบกต้องเตือนเป็นทางการแก่กำลังพลว่า กองทัพบกโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่มีนโยบายให้กำลังพลเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดหรือสีใดก็ตาม เราขอไม่ไปร่วมแสดงออก เพราะเราต้องดำรงสถานะความเป็นกลางทางการเมือง เนื่องจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แต่เราไม่เคยมีนโยบายว่าไม่ให้มีความรู้สึกหรือความคิดเห็นทางการเมือง เพราะองค์กรทหารมีช่องทางอื่นที่จะแสดงออกได้
“กองทัพบกยืนยันในความเป็นกลางทางการเมือง เพราะหากเข้าไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองอาจส่งผลต่อภารกิจประจำได้ เช่น หากได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยอื่นๆ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการชุมนุมก็อาจส่งผลกระทบต่อการวางตัวในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องดำรงความเป็นกลางไว้ อีกทั้งหากทหารไปอยู่ในพื้นที่การชุมนุมอาจนำไปสู่การตั้งสมมติฐานที่เชื่อมโยงในทางลบ ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับประชาชนได้ บางคนอาจจะมองเจตนาไปเป็นแนวทางอื่นได้จึงจำเป็นต้องเตือนและห้ามไม่ให้กำลังพลเข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยให้ทหารอยู่ในฐานะดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้กองทัพบกในฐานะหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองในทุกช่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนในการสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประเทศ และช่วยให้ทุกฝ่ายมีความรัก ความสามัคคี ความเป็นจริงทหารยังเป็นประชาชนคนหนึ่งไม่สามารถแยกออกจากประชาชนได้ แต่ทหารมีภาระหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องปฏิบัติตามภารกิจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกองทัพบกมุ่งหวังเห็นประเทศชาติเดินหน้า พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
รองโฆษกกองทัพบกยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้ปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ออกจากราชการว่า เมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมแล้ว ทางกองทัพบกถือว่าเป็นหน่วยขึ้นตรงที่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่ผลสรุปดังกล่าวทางกองทัพบกเองได้ยืนยันในเจตนารมณ์เดิม คือ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดถือตามระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มาดำเนินการในห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งจากการติดตามข้อมูลข่าวสารจากเอกสารทั้งหมดที่ทางกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการทั้งหมดเป็นข้อมูลเดิมทั้งหมด ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มีการเพิ่มเติมอะไร
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธานในวันที่ 24 พ.ย.นี้ว่า ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ได้มีการประสานเพี่อขอกำลังทหารไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินสถานการณ์ก่อนว่าเกินกำลังขีดความสามารถของตำรวจหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพบกก็มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยราชการอื่นๆ อยู่ตลอด ซึ่งจากสถานการณ์ขณะนี้ที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง โดยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์พยายามเชื่อมโยงกองทัพในมิติต่างๆ ทำให้กองทัพบกต้องเตือนเป็นทางการแก่กำลังพลว่า กองทัพบกโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่มีนโยบายให้กำลังพลเข้าไปร่วมชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดหรือสีใดก็ตาม เราขอไม่ไปร่วมแสดงออก เพราะเราต้องดำรงสถานะความเป็นกลางทางการเมือง เนื่องจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แต่เราไม่เคยมีนโยบายว่าไม่ให้มีความรู้สึกหรือความคิดเห็นทางการเมือง เพราะองค์กรทหารมีช่องทางอื่นที่จะแสดงออกได้
“กองทัพบกยืนยันในความเป็นกลางทางการเมือง เพราะหากเข้าไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองอาจส่งผลต่อภารกิจประจำได้ เช่น หากได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยอื่นๆ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการชุมนุมก็อาจส่งผลกระทบต่อการวางตัวในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องดำรงความเป็นกลางไว้ อีกทั้งหากทหารไปอยู่ในพื้นที่การชุมนุมอาจนำไปสู่การตั้งสมมติฐานที่เชื่อมโยงในทางลบ ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับประชาชนได้ บางคนอาจจะมองเจตนาไปเป็นแนวทางอื่นได้จึงจำเป็นต้องเตือนและห้ามไม่ให้กำลังพลเข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยให้ทหารอยู่ในฐานะดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้กองทัพบกในฐานะหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองในทุกช่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนในการสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประเทศ และช่วยให้ทุกฝ่ายมีความรัก ความสามัคคี ความเป็นจริงทหารยังเป็นประชาชนคนหนึ่งไม่สามารถแยกออกจากประชาชนได้ แต่ทหารมีภาระหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องปฏิบัติตามภารกิจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกองทัพบกมุ่งหวังเห็นประเทศชาติเดินหน้า พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
รองโฆษกกองทัพบกยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้ปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ออกจากราชการว่า เมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมแล้ว ทางกองทัพบกถือว่าเป็นหน่วยขึ้นตรงที่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่ผลสรุปดังกล่าวทางกองทัพบกเองได้ยืนยันในเจตนารมณ์เดิม คือ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดถือตามระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มาดำเนินการในห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งจากการติดตามข้อมูลข่าวสารจากเอกสารทั้งหมดที่ทางกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการทั้งหมดเป็นข้อมูลเดิมทั้งหมด ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มีการเพิ่มเติมอะไร
