“จารุพงศ์” หัก “เฉลิม” จัดสานเสวนาปรองดอง เชิญนักวิชาการที่เป็นกลาง และฝ่ายการเมืองแต่ละฝ่ายฝ่ายเท่าๆ กันเข้าร่วมเพื่อให้เกิดความปรองดอง ปัดมหาดไทยเป็นกระทรวงเสื้อแดง อัางไม่เลิกแบ่งสีจะปรองดองกันได้อย่างไร
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเวทีสานเสวนาเพื่อสร้างความปรองดองว่า ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการโดยต้องทำบนหลักนิติธรรม เห็นต่างได้แต่ไม่แตกแยก ให้ประชาชนมาจับเข่าคุยกัน กระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการจัดเวที แต่จะไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของการสานเสวนา
สำหรับรูปแบบจะตระเวนไปทั่วประเทศ โดยดูจากพื้นที่เขตเลือกตั้งเป็นฐาน โดยกำหนดให้มีเวทีสานเสวนา 1 เวทีต่อเขตเลือกตั้ง 3-4 เขตภายในจังหวัดเดียวกัน การเปิดเวทีจะมีการเชิญนักวิชาการที่เป็นกลาง ไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดทางการเมือง หรือหากจะมีคนของฝ่ายการเมืองในส่วนใดก็ต้องมีคนของแต่ละฝ่ายในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง
นายจารุพงศ์กล่าวว่า ในเดือนนี้จะหาตัวแทนที่เป็นกลางในการอบรมวิทยากร กระทรวงมหาดไทย ตัวผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยความสะดวก และเงินงบประมาณผ่านทางกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่ระดับรัฐมนตรีจะไม่ได้ลงไปดู
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ที่มีการวิจารณ์กันว่ากระทรวงมหาดไทยตอนนี้เป็นกระทรวงเสื้อแดง ก็กล่าวหาได้แต่ตนต้องการให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ขอตั้งคำถามถึงคนที่พูดว่าเป็นการหวังดีต่อประเทศชาติจริงหรือ ถ้าเราต้องการเข้าสู่การปรองดองแล้วมากล่าวว่า คนนั้นแดงคนนี้เหลือง มันจะปรองดองกันได้อย่างไร
นอกจากนี้ นายจารุพงศ์กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการมอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยมี พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย และนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย เข้าร่วมมอบนโยบายด้วยว่า ในวันนี้จะลงนามแต่งตั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รมว.มหาดไทย เป็นประธานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทยอย่างเป็นทางการ อย่างที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยการบริหารงานจะสานงานต่อจากนายยงยุทธทุกประการ
“ขอขอบคุณนายยงยุทธซึ่งได้เสียสละลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ได้มีโอกาสขึ้นมาเป็น รมว.มหาดไทยแทน และแม้นายยงยุทธจะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่ปรึกษาในการบริหารงานกระทรวงมหาดไทยหลายเรื่อง รวมถึงปัญหาการชุมนุมของกำนันผู้ใหญ่บ้าน” รมว.มหาดไทยกล่าว
