หัวหน้าประชาธิปัตย์เผยเลื่อนยื่นซักฟอกเป็นศุกร์หน้า เหตุพรรคร่วมขอแจม คาดใช้เวลาไม่เกิน 3+1 วัน เชื่อไม่โดนเบี้ยว หวังถ่ายสดทำให้ชาวบ้านไม่ได้เห็นการทำงานฝ่ายค้าน คาดพรรคถูกดิสเครดิตแน่ ยันข้อมูลซักแถลงนโยบายไม่มีซ้ำ เน้นความล้มเหลว วุฒิภาวะ ด้านรองโฆษกเผยที่ประชุมพรรคห่วงแก้รัฐธรรมนูญถูกปรับ ครม.กลบกระแส
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลื่อนวันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจากวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันที่ 9 ตุลาคมว่า มี 2 เหตุผล คือ พรรคร่วมฝ่ายค้านขอเข้ามามีส่วนร่วมด้วย และวิปรัฐบาลก็ตกลงว่าจะอภิปรายประมาณวันที่ 25 พ.ย. จังหวะเวลาจึงเหมาะสมที่จะยื่นประมาณสัปดาห์หน้าจะได้ไม่ค้างอยู่นาน แต่พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมในการอภิปรายอยู่แล้ว โดยในการอภิปรายวางกรอบไว้ว่าไม่เกิน 3 วัน บวกวันลงมติอีก 1 วัน เป็น 4 วันโดยวันที่ 28 พ.ย.เป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุม จึงคิดว่าเริ่มต้นที่วันที่ 25 พ.ย.น่าจะเดินได้ ทั้งนี้ ที่เผื่อเวลา 4 วันเพราะไม่ทราบว่าจะมีการประท้วงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่วิปรัฐบาลเป็นฝ่ายหารือมาเอง จึงเชื่อว่าจะไม่มีการเบี้ยวเรื่องเวลาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะมีประด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตซึ่งจะต้องยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญด้วย ส่วนอีสานโพลที่สำรวจว่าฝ่ายค้านสอบตกนั้น ต้องดูในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร พรรคยอมรับว่าต้องทำงานหนักในพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วก็จะทำให้ประชาชนได้ทราบความจริงจากการถ่ายทอดสดก็จะเห็นการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชัดเจน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เชื่อว่าก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะขณะนี้ก็ทำอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งตนสังเกตว่าคณะกรรมการ หรือดีเอสไอ ใครต่อใครพยายายามเรียกสอบสวนเรื่องนั้น ขอเอกสารเรื่องนี้อยู่ตลอด ซึ่งตนก็ให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เจ้าหน้าที่ต้องให้ความเป็นธรรมในการจัดเวลาด้วย ส่วนอาจจะเป็นช่วงเดียวกับที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ดำเนินการเรื่องถอดยศส่งผลกระทบหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคนมองออกว่ากระบวนการนี้เป็นอย่างไร ซึ่งกรรมการต้องสอบข้อเท็จจริง
ส่วนการแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเป็นคนละส่วนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะชี้ให้เห็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติตามหมวดของรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งข้อมูลจะไม่ซ้ำซ้อนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นในแง่ของความล้มเหลว ปัญหาการทุจริต จะเรียกว่าวุฒิภาวะผู้นำด้วยหรือเปล่าไม่ทราบ
ด้าน นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมได้หยิบยกกรณีคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งระบุจะมีการสรุปรายงานส่งให้รัฐบาลในวันที่20พ.ย.นี้ โดยสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลพูดถึงมีเพียง 3 ประเด็น คือ 1. จะมีการลงมติโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 หรือไม่ 2. ถ้าลงมติจะมีการลงมติอย่างไร 3. การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 ที่ว่าด้วยสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และมาตรา237 ในการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค และการยุบพรรค ทั้งนี้ใน 3 ประเด็นดังกล่าวที่คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันนั้น ที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกกังวลเนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีการวางแนวทางถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการให้ความชัดเจนถึงการลดทอนอำนาจขององค์กรอิสระซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลจึงดูเหมือนไม่ได้แก้ปัญหาให้ประเทศชาติเดินหน้า แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายเพื่อการปรองดองคือเรื่องสำคัญที่ยังไม่มีความชัดเจน และกำลังถูกกลบกระแสความเคลื่อนไหวด้วยการปรับคณะรัฐมนตรี
