“อำมาตย์เต้น” งัดมุกเก่าอีกแล้ว! อ้างมีพวกจ้องล้มรัฐบาลใช้เรื่องแฉชุดดำ-ค้านจำนำข้าว-ไซฟ่อนเงิน เชื่อ “ประสงค์-บรรณวิทย์” ชักใยแน่ ท้าอย่าเป็นอีแอบตีกิน จี้ “มงคลกิตติ์” เปิดชื่อคนซุกเงินฮ่องกง ดักคอศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ส.ว.ฟ้องขายข้าวจีทูจีจะมีคนร้องสอบยุค “มาร์ค” ด้วย เมิน “ศิริโชค” ท้า ลั่นขอจ้อแค่ “มาร์ค-เทือก”
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีขบวนการพยายามจ้องล้มรัฐบาล โดยแบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ คือ 1. พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยกรณีชายชุดดำ 2. ส.ว.เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี และ 3. คณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) เปิดประเด็นเรื่องไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทที่เกาะฮ่องกง อย่างไรก็ดี ทำให้มองได้ว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่เกิดในสถานการณ์เดียวกัน ด้วยการแบ่งงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล เพราะการไซ่ฟ่อนเงิน ภตช.ไม่ได้มีการแสดงหลักฐานเพิ่มเติม มีเพียงแถลงข่าวรายวันเท่านั้น แม้ส่วนราชการทั้งไทยและฮ่องกงก็ระบุว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าวทั้ง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ซึ่งล้วนอยู่ฝั่งตรงข้ามพรรคเพื่อไทย อยากเรียกร้องให้ออกมาแสดงตัว อย่าเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังตีกันกินฟรีไปวันๆ เพราะรัฐบาลไม่ยอมให้ใครมากินฟรีอยู่แล้ว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการ ภตช. อ้างว่าเดินทางไปดูงานปราบปรามการทุจริตที่สำนักงาน ป.ป.ช.ฮ่องกง ระหว่างวันที่ 5-8 ก.ย. จึงได้เอกสารเกี่ยวกับการไซฟ่อนเงินมา ซึ่งจากการตรวจสอบตารางการเดินทางพบว่าในวันที่ 1-2 ก.ย.เป็นหมายท่องเที่ยว และวันที่ 3 ก.ย.มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนโดยผู้บรรยาย คือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ นายมงคลกิตติ์ และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น ป.ป.ช.ฮ่องกงอีกหนึ่งท่านเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ชัดว่าเรื่องดังกล่าวมีการคุยกันอยู่ไม่กี่คน หาก ป.ป.ช.ฮ่องกงจะให้ข้อมูลการไซฟ่อนเงินจะเอามาจากไหน เพราะมีการหารือกันเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้น อยากท้าให้มีการระบุชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมาเลย ไม่อยากให้มีการตีกิน เพราะคนที่ถูกระบุจะได้ออกมาฟ้องเรื่องดังกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนการที่ ส.ว.ลงชื่อให้ศาลพิจารณาสัญญาจีทูจี ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาลที่ผ่านมาทุกชุดก็มีการดำเนินการในลักษณะนี้ทั้งหมด หากศาลรับเรื่องนี้จริงก็จะมีผู้ขอให้สอบสัญญาย้อนหลังกับรัฐบาลที่ผ่านมา และจะทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ สำหรับประเด็นการดีเบตเรื่องชายชุดดำกับพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันพร้อมขึ้นเวทีดีเบตกับ 2 คนเท่านั้น คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และตนในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนการที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าขอขึ้นเวทีดีเบตกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการยื้อเวลา หลบความจริงเท่านั้น