ผอ.กรมอุตุนิยมวิทยาแถลงที่ทำเนียบ ยันพายุแกมีหมดอิทธิพลหลังเที่ยงพรุ่งนี้ แต่อาจเกิดฝนตกได้จากสาเหตุอื่น ปภ.ไฟเขียวผู้ว่าฯ เบิก 50 ล้านช่วยประชาชนได้ ทบ.เตรียมความพร้อมเครื่องมือช่วยเหลือประชาชน จัดเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำช่วยเหลือ กรมอุทกศาสตร์เผย 16-21 ต.ค.น้ำทะเลหนุนแต่ไม่มาก สำนักระบายน้ำ กทม. เผยฝนตกเมื่อเช้ารับน้ำได้สบาย ด้านตะวันออกพร่องน้ำไว้แล้ว
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผอ.ส่วนพยากรณ์อากาศกลาง กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงสถานการณ์พายุแกมี (GAEMI) ว่า จากการติดตามขณะนี้พายุแกมีได้เคลื่อนตัวจากฝั่งประเทศเวียดนามผ่านมายังประเทศกัมพูชา และเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณ จ.สระแก้ว ด้วยความแรงระดับดีเปรสชั่น และต่อมาได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันนี้ โดยปัจจุบันหย่อมความกดอากาศต่ำนั้นได้เคลื่อนตัวเป็นแนวร่องมาจากทางตะวันตกตามลำดับ ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับพายุแกมีจะหมดอิทธิผลไปได้ในช่วงหลังเวลา 12.00 น. ของวันที่ 9 ต.ค. อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังจะเกิดฝนตกได้จากตัวแปรอื่น ในแผนที่อากาศเรายังมีพายุอีกลูกหนึ่งที่ก่อตัวขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นดีเปรสชั่นมาหลายวันแล้ว และได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ที่ซื่อว่าพายุพระพิรุณ ซึ่งเบื้องต้นจะเคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตก และจะค่อยๆเปลี่ยนไปทางเหนือตามลำดับ โดยคาดว่าพายุลูกนี้จะเคลื่อนไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่เคลื่อนตัวมาทางประเทศไทย
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า หลังการที่เกิดภัยพิบัติขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้เงินงบประมาณจำนวน 50 ล้านในการช่วยเหลือประชาชนได้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมไปถึงเงินที่ใช้ในการเกษตร ฯลฯ ซึ่งการใช้จ่ายเป็นต้องยึดตามระเบียบ โดยต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้
ด้าน นายโฆษิต ล้อศิริรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอุทกวิทยา กรมชลประทาน กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมมากก็เพราะว่า น้ำในแม่น้ำนั้นมีปริมาณมากกว่าปกติ แต่สถานการณ์น้ำปีนี้กลับกัน เพราะปริมาณน้ำเป็นน้ำในทุ่ง การคาดการหากมีปริมาณน้ำฝนไม่มากอย่างปีที่ผ่านมา เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร และหากดูปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจาก จ.นครสวรรค์ จนถึงเขื่อนบางไทรจะพบว่า มีการลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีพื้นที่ว่างพอในการรองรับน้ำ อย่างไรก็ตามคาดการว่าปริมาณน้ำฝนจะไม่ส่งผลกระทบ ส่วนการบริการจัดการน้ำในเขื่อนนั้น ได้มีการพร่องน้ำมาก่อนหน้านี้แล้ว และอ่างเก็บน้ำก็สามารถรองรับน้ำได้ จะมีน้ำฝนเท่านั้นที่ส่งผลกระทบอย่างไรก็จะไม่ผลต่อเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน พ.อ.สุพล จันทร์ผ่อง ตัวแทนจากกรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เพื่อจัดเตรียมกำลังและเครื่องมือ ที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือประชาชน โดยขั้นต้นได้เตรียมการทหารไว้ 203 กองร้อย 14 ชุดช่าง ซึ่งประกอบด้วยเครื่องทำประปา เครื่องทำน้ำดื่ม และเครื่องมือช่างที่จำเป็นเร่งด่วน ฯลฯ ส่วนชุดแพทย์นั้นเตรียมไว้ 40 ชุดเคลื่อนที่ โดยจะจัดกำลังเข้าไปให้บริการ ช่วยเหลือประชาชนในทันที นอกจากนี้ยังได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ 3 ลำในการที่จะลำเรียงประชาชนกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทัพไทยก็ได้มีการเตรียมการไว้เช่นกัน ทั้นนี้ขอให้ประชาชนสบายใจได้
ร.อ.วิทยาสิทธิ์ แหวนวงศ์ กรมสมุทรศาสตร์และระดับน้ำ กรมอุทกศาสตร์ กล่าวว่า น้ำทะเลหนุนในช่วงนี้โดยเฉลี่ยแล้ว ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือมีประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค. และหลังจากนั้นวันที่ 16- 21 ต.ค. จะมีน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้ง แต่ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะสูงเพียง 1.23 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ด้าน นายสรรเสริญ เรืองฤทธิ์ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในส่วนของ กทม.จากที่มีพายุแกมีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกโดยในช่วงเช้าของวันที่ 8 ต.ค. คงเหลือปริมาณฝนน้อยลง โดนปริมาณฝนที่ตกลงมาตั้งแต่กลางดึกจนถึงเช้าของวันที่ 8 ต.ค.นั้น ในเวลา 6 ชั่วโมง วัดได้ประมาณ 30 - 50 มิลลิเมตร โดยเฉลี่ยจะ อยู่ที่ไม่เกิด 10 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งระดับนี้ระบบการรองรับน้ำของ กทม. สามารถรับได้สบาย และส่วนใหญ่จะไม่ก่อให้เกิดน้ำท่วมขัง สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.นั้น ด้านตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมพร่องน้ำ ต่อมาระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม้จะมีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศพายุ "แกมี" ฉบับที่ 29 วันที่ 8 ต.ค. 2555 เมื่อเวลา 11.30 น. ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ หย่อมความกดอากาศกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน "แกมี" ปกคลุมบริเวณภาคกลางตอนล่าง กทม.และปริมณฑล กำลังเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมไป ปกคลุมด้านตะวันตกของภาคกลาง และจะลงสู่อ่าวมะตะบัน ประเทศพม่า ในวันพรุ่งนี้ (9 ต.ค.) ต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน จะมีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ทั้งนี้ ในระยะ 1-2 วันนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ระวังอันตราย จากฝนตกหนักไว้ด้วย