ฝั่งขวาเจ้าพระยา
คนที่รู้จักนายสรจักร เกษมสุวรรณ ว่าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ “ ดีดี” บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) คนใหม่ บอกว่า ตำแหน่งนี้เหมาะสมกับเขามากที่สุด เพราะนายสรจักร เป็นคนชอบบิน ไม่ว่าจะไปนั่งทำงานที่ไหน นายสรจักรจะต้องบินไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น สิ้นเปลืองงบประมาณของหน่วยงานเหล่านั้น ไม่ใช่น้อย ประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทาง น่าจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการดำเนินงานของการบินไทยได้อยู่บ้าง
นายสรจักร เป็นผู้สมัครรับการสรรหาเป็น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของบริษัทการบินไทย แทนนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ เพียง คนเดียวที่มีคุณสมบัติครบตามที่ คณะกรรมการสรรหากำหนด ในวันที่ 10 กันยายน คณะกรรมการสรรหาที่มีนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะเรียกนาย สรจักร มาสัมภาษณ์ และเจรจาเรื่องอัตราผลตอบแทน หลังจากนั้นจะเสนอบอร์ดการบินไทยพิจารณาในวันที่ 14 กันยายนนี้ โดยคาดว่า นายสรจักรอาจจะเริ่มทำงานได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 นี้
กระบวนการสรรหาผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ เป็นเพียงพิธีกรรม ที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบเท่านั้น ในความเป็นจริง คนที่จะมาดำรงตำแหน่ง ต้องเป็นคนที่ฝ่ายการเมืองส่งมา หรือเห็นชอบด้วยเท่านั้น จึงจะผ่านการคัดเลือกได้ และคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด ที่ผู้จะมานั่งเป็นเบอร์หนึ่งของรัฐวิสาหกิจแห่งใดก็แล้วแต่คือ ต้องเชื่อฟัง สั่งได้ สามารถตอบสนองนโยบาย และผลประโยชน์ของฝ่ายการเมือง ได้อย่างถึงลูกถึงคน
ชื่อของนายสรจักร เริ่มปรากฎเป็นข่าวว่า จะมาเป็นดีดี การบินไทย ตั้งแต่วันที่นายปิยะสวัสดิ์ ถูกบอร์ดการบินไทยปลดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว แสดงว่า มีการวางตัวนายสรจักรเอาไว้แล้ว เพราะนายสรจักร เป็นคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติดังกล่าวคือ เชื่อฟัง สั่งได้
การบินไทยมีผลประโยชน์มหาศาล ในเรื่อง การจัดซื้อ จัดจ้าง โดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องบิน ตามแผนอีก 38 ลำ มูลค่านับแสนล้านบาท ที่อยุ่ในแผนการปรับปรุงฝูงบินรุ่นใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญากับผู้ผลิต นอกจากนนั้น ยังมีผลประโยชน์ในเรื่อง การตั้งเอเย่นต์ การขายตั๋ว งบประชาสัมพันธ์ โฆษณา การแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากร เอาคนที่รับใช้ได้ถูกใจ ไปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ ฝ่ายการเมืองจึงต้องการคนที่เชื่อฟัง สั่งได้ เข้าไปดูแลการบินไทย ไม่ได้ต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถ ที่จะทำให้การบินไทยทีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
นายสรจักร เป็นที่รู้จักกันในฐานะ “ เด็ก” ของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลทักษิณ นายสุรเกียรติ์ มีตำแหน่งที่ไหน ก็จะหอบหิ้วนายสรจักร และพวกพ้องนิติศาสตร์จุฬา ไปนั่งกินเงินเดือน ผู้ช่วย ที่ปรึกษา
แม้นายสรจักร จะผ่านงานมามาก เป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน และหน่วยงานรัฐมาหลายแห่ง ตั้งแต่ประธานกรรมการบริษัทมีเดียพลัส ผู้อำนวยการ อสมท. ช่วงปี 2542-2545 กรรมการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในยุคที่นายสุรเกียรติ์ เป็นรัฐมนตรี รองประธานบริษัทแทรฟฟิค คอนเนอร์ โฮลดิ้งส์ ผู้อำนวยการ สถาบันระหว่างประเทศ เพื่อการค้าและการพัฒนา อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติ สแตมฟอร์ดฯลฯ จนมาถึง ประธานคณะกรรมการ อสมท. ในปัจจุบัน แต่อยู่ได้ไม่นานในแต่ละที่ก็ลาออกเสียก่อน และไม่เคยปรากฎว่า มีผลงานอะไรใน แต่ละตำแหน่งที่ไปนั่งกินตำแหน่งและค่าตอบแทน ที่จะมาอ้างอิงได้
ด้วยเหตุนี้กระมัง จนถึงวันนี้ นายสรจักร ก็ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “เด็ก” ของนายสุรเกียรติ์ เท่านั้น
ประวัติการทำงาน ในตำแหน่งผู้บริหารองค์กรเหล่านี้ แม้ยากที่จะวัดได้ว่า สำเร็จหรือล้มเหลว แต่ก็เป็นสิ่งที่สร้างภาพนายสรจักรว่า เป็นนักบริหารที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชน เสริมด้วย การศึกษา ที่เป็นดอกเตอร์ด้านกฎหมาย จากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง ลอนดอน สกูล ออฟ อีโคโนมิคส์ และบุคลิกแบบ a nice guy ทำให้นายสรจักร เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการเป็น นอมินี ในรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อย่าง อสมท. หรือ การบินไทย
การบินไทย ในยุคที่มีนายสรจักร เป็นดีดี จะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่มีใครรู้ แต่ อสมท. ในยุคที่ นายสรจักร เป็นประธานบอร์ดนั้น เป็นผลงานที่พิสูจน์ถึงฝีมือของนายสรจักรได้เป็นอย่างดี
ช่วงเวลาที่นายสรจักร จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นดีดี การบินไทย นับว่าเป็นจังหวะที่สอดคล้องลงตัวกับ ที่ อสมท.ได้ กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่ คือ นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา และเป็นกรรมการบอร์ดอสมท. อยู่ด้วย ราวกับว่า มีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี เพราะนายเอนก ซึ่งว่ากันว่า เป็นคนของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เข้ามาเป็น ผอ. อสมท. โดยมีภารกิจเร่งด่วน คือ สะสางปัญหาที่นายสรจักร สร้างไว้ ถ้านายสรจักรยังเป็นประธานบอร์ด อยู่ด้วย รับรองว่า ดูไม่จืดแน่
แม้ว่า นายสรจักร จะเป็นประธานบอร์ด อสมท. แต่ไม่มีกรรมการคนไหนเอาด้วย เพราะนายสรจักร ทำงานแบบล้วงลูกฝ่ายบริหารทุกเม็ด ตัดสินใจคนเดียว โดยไม่เคยแจ้ง หรือรับฟังความเห็นของกรรมการคนอื่น แต่การล้วงลูกของนายสรจักรที่อาศัยตำแหน่งประธานบอร์ด เป็นการสั่งโดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ คือไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์ อักษร ที่ลงนามโดยประธานบอร์ด แต่ทุกคนรู้ว่า เป็นความต้องการของนายสรจักร ใครไม่ทำตามก็อยู่ลำบาก นายจักรพันธ์ ยมจินดา รักษาการกรรมการผู้อำนวยการ เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่ทำตาม สุดท้ายก็ต้องลาออก
การปรับผังรายการล่าสุด ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นฝีมือการล้วงลูกของนายสรจักร โดยการกำกับของ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ ทราฟฟิค คอนเนอร์ และนักธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนที่มีสายสัมพันพ์ที่ดีกับ เจ๊ “ ด” ตัวกินข้าว และตัวกินงบ น้ำท่วม ร่วมกับอดีตรองผู้อำนวยการ อสมท.คนหนึ่ง
รายการ ข่าวข้นคนข่าว ของเครือเนชั่นซึ่งออกอากาศตอนหัวค่ำ กับข่าวข้นคนข่าวเช้า ที่ออกอากาศตอนเช้า ถูกถอดออก โดย ให้สำนักข่าวไทยของ อสมท. เข้ามาผลิตแทน และดึงนายจอม เพชรประดับ จากวอยซ์ ทีวี มาเป็นผู้ร่วมดำเนินรายการ
สองเดือนที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า รายได้ค่าโฆษณาจากสองรายการนี้ หายไปเดือนละ 30 ล้านบาท เพราะคนดูตามไปดูกนกกับธีระที่ทีวีเนชั่นกันหมด จนเรตติ้งตก โฆษณาไม่เข้า ในขณะที่คนของสำนักข่าวไทยซึ่งได้รับโอกาส ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถผลิตรายการทีวีได้ สร้างความเบื่อหน่ายให้คนดู เป็นอย่างยิ่ง
นอกจากสองรายการของเครือเนชั่นที่ถูกถอดออกไปแล้ว ยังมีรายการอื่นๆ รวมแล้ว เกือบ 15 รายการ ถูกเปลี่ยนเวลา รายการสารคดียอดนิยมอย่างคนค้นคน และกบนอกกะลา ถูกถอดจากเวลาดีๆช่วงค่ำและดึกวันธรรมดา ไปอยุ่ตอนกลางวันวันเสาร์ และวันอาทิตย์ รายการที่มาแทนคือรายการเกมโชว์ ทั้งของต่างประเทศ และของผู้ผลิตไทย ที่ถูกจัดสรรมาโดยนายสุรพงษ์ ให้ประธานบอร์ด อสมท. สั่งการ
โมเดิร์นไนน์ ทีวี ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จึงมีสภาพเละตุ้มเป๊ะ คล้ายกับ ช่อง 5 ของกองทัพบกเข้าไปทุกที ล่าสุด นายสรจักร ยังยกเวลาให้กับ “พญาไม้” หรือ เผด็จ ภูริปฏิภาณ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์รุ่นเก่าที่รับใช้ทักษิณ อย่าสุดจิตสุดใจ โดยมีกำหนดจะออกอากาศเดือนหน้านี้
หาก นายสรจักร ไม่ได้เป็น ดีดี การบินไทย นายสรจักร ก็ต้องออกจากอสมท. อยู่ดี เพราะบอร์ดทุกคนไม่เอาด้วย และได้สร้างความเสียหายให้กับ อสมท. อย่างมาก แม้จะมีแบ๊คดีขนาดไหน ก็เอาไม่อยู่แล้ว การได้เป็นดีดี การบินไทย จึงถือเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับตัวเขา ที่ได้ตำแหน่งและค่าตอบแทนที่ดีขึ้น ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นการกลบเกลื่อนความล้มเหลวที่ อสมท.ไปด้วย ส่วนฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ เจ๊ “ด “ตัวกินข้าว ตัวกินงบน้ำท่วม ก็ได้มีตัวแทนที่ เชื่อฟัง สั่งได้ เข้าไปคุมการจัดซื้อจัดจ้างในการบินไทย
นายสรจักร จะอยู่ในตำแ หน่ง ดีดี การบินไทยครบเทอมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ปัญหาการบินไทย จะลุกลามขยายตัวเร็วแค่ไหน ทั้งปัญหาผลการดำเนินงาน ปัญหาการคอร์รัปชั่น ปัญหาคุณขอมา ดีดี จัดให้ ถ้าปัญหาเกิดเร็ว เอาไม่อยู่ นายสรจักรก็จะอยู่ไม่นาน เพราะจากประวัติการทำงานของเขา ไม่เคยอยู่ที่ไหนนาน มีปัญหาก็โบกมือลา เพื่อรักษาประวัติ