มติ ครม.ปรับเงินข้าราชการท้องถิ่น 1.5 หมื่น-ค่าแรง 300 บาท มอบ 3 แนวทางปฏิบัติแก่ อปท.แต่ละแห่ง ขณะเดียวกัน อนุมัติกระทรวงไอทีซีเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน ITW 2013 ใช้งบ 339 ล้าน คาดโกยรายได้เข้าประเทศ 3 พันล้าน เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน กำหนดบทลงโทษปรับนายเรือ-เจ้าของปรับสูงสุด 2 ล้าน
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. กรณีการปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และให้มีความเท่าเทียมกับบุคลากรภาครัฐอื่นๆ โดยยึดแนวปฏิบัติดังนี้
1. กรณีเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราววุฒิปริญญาตรี 15,000 บาท และค่าแรง 300 บาท เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ตรวจสอบรายได้ค่าใช้จ่ายบุคลากรตามจริง ที่หาก อปท.แห่งใดมีรายได้เพียงพอ ให้จ่ายเงินจาก อปท.นั้น โดยในส่วน อปท.ที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.พิจารณาทบทวนเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป
2. กรณี อปท.มีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอื่นเกินกว่าร้อยละ 40 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เห็นควรให้ กกถ.ทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ และเงินเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ภาษีรถตามกฏหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และค่าธรรมเนียมล้อเลื่อนตามกฏหมายว่าด้วยล้อเลื่อนที่จัดสรรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยละ 100 โดยสัดส่วนการจัดสรรรายได้ อบจ.ลงเพื่อนำมาเพิ่มให้แก่ อบต. และเทศบาล
และ 3. ให้ อปท.ดำเนินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงินการเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินของ อปท.กรณีงบประมาณรายจ่ายประกาศใช้บังคับแล้ว หรือ อปท.มีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจ่ายในกรณีรับโอน เลื่อนระดับเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนท้องถิ่น การเบิกเงินให้พนักงานส่วนท้องถิ่นตามสิทธิ ตลอดจนลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินเดือนอื่นตามกฏหมายระเบียบ คำสั่ง หรือไม่ได้ตั้งงบประมาณนั้นไว้ ให้ อปท.จ่ายขาดเงินสะสมได้ โดยได้รับอนุมัติจากผู้บริหารส่วนท้องถิ่นและให้ถือเป็ยรายจ่ายในปีนั้น
ด้าน นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 ในปี พ.ศ. 2556 โดยให้ดำเนินการในนามของรัฐบาลไทยเพื่อจัดทำหนังสือสมัครรับเป็นเจ้าภาพจัดนิทรรศการ ITU TELECOM WORLD 2013 และลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 (Host Country Agreement) หากประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน ยังให้กระทรวงไอซีทีพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานและคณะอนุกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้แทนจากไอซีที กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการและอนุกรรมการ โดยงบประมาณที่จะใช้ในการลงทุนจัดงานนั้น จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 339 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้เป็นจำนวน 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ พ.ร.บ.ดังกล่าวบังคับใช้กับความเสียหายจากมลพิษที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย ซึ่งรวมถึงทะเลอาณาเขตและในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทย และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้มาตรการในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ดังกล่าว และกำหนดให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้มิให้ใช้บังคับกับเรือรบ หรือเรืออื่นใดซึ่งรัฐถือกรรมสิทธิ์ หรือดำเนินการในกิจการของรัฐซึ่งมิได้มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ โดยให้ใช้บังคับกับเรือของรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาซึ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ ในส่วนของความรับผิดนั้น ได้กำหนดให้เจ้าของเรือในขณะเกิดอุบัติการณ์ หรือในขณะเกิดเหตุการณ์ครั้งแรก ในกรณีที่อุบัติการณ์ประกอบด้วยเหตุการณ์ต่อเนื่อง ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากมลพิษอันเป็นผลของอุบัติการณ์ดังกล่าว และยังได้กำหนดให้เจ้าของเรือไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายจากมลพิษหากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้น เป็นผลมาจากสงคราม การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ สงครามกลางเมือง การจลาจล หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงและป้องกันได้ หรือเกิดขึ้นจากบุคคลที่สามทำให้เกิดความเสียหายนั้น หรือเกิดขึ้นทั้งหมดจากความประมาทเลินเล่อหรือการกระทำโดยมิชอบของรัฐหรือหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลหรือบำรุงรักษาประภาคารหรือเครื่องช่วยการเดินเรืออื่นๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบทลงโทษได้กำหนดให้เรือไทยหรือเรือต่างประเทศที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ นายเรือและเจ้าของเรือลำนั้นต้องระวางโทษปรับคนละไม่เกิน 2 ล้านบาท และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน่วงเหนี่ยวเรือลำดังกล่าวจนกว่าเรือลำนั้นจะได้แก้ไขหรือปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดให้นายเรือลำใดไม่อาจแสดงใบรับรองตามที่กำหนดเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท
