“เทพเทือก” ฉะ “เฉลิม” ดีแต่ปาก เก่งในกรุงไม่กล้าลงพื้นที่ใต้ ทำประชาชนไม่มั่นใจ ขณะเดียวกันยังใช้รองนายกฯ ถึง 3 คนดูแลแก้ปัญหายิ่งทำให้สับสน เรียกร้องนายกฯ ใส่ใจประกาศแนวทางแก้สถานการณ์ พร้อมใช้รองนายกฯ คนเดียวดำเนินการ ทุ่มงบฯ สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยินดีประชุมร่วมกับรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ แต่ขอให้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมรับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาด้วยว่า ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 1 ใน 3 รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ก็ดีแต่พูด ไม่ทำอะไรสักอย่าง คนในรัฐบาลเองก็ไม่ลงไปดูเหตุการณ์ ไปปลุกปลอบขวัญเจ้าหน้าที่และประชาชน ไม่ยอมลงไปสัมผัส ดีแต่ตะโกนอยู่ที่กรุงเทพฯ มีแต่พูดไม่เห็นลงมือทำ จะชวนเราฝ่ายค้านไปทำงานหรือไปร่วมมืออย่างไรได้ทั้งนั้น แต่ถ้ายังเป็นการแค่สักแต่พูดเพื่อเป็นข่าวไปวันๆ มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ และถ้ารัฐบาลยังนั่งบัญชาการอยู่ใน กทม.ก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ได้
นายสุเทพกล่าวว่า ปัญหานี้รัฐบาลต้องทุ่มเท ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มอบหมายให้ตนดูแลก็ได้ลงพื้นที่ทุกเดือน โดยมีนายถาวร เสนเนียม ช่วยเหลือดูแลร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ ศอ.บต.ก็ประชุมตลอดเวลา ที่สำคัญต้องลงไปทำโครงการแก้ไขปัญหาแต่ละพื้นที่ ครอบครัวเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รายได้ และความเสมอภาคให้ปรากฏเพื่อให้รู้ว่าการอยู่กับรัฐบาลไทย กับคนไทยเป็นแนวทางที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นโดยไม่ต้องดิ้นรนที่จะไปสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เคยดูแลหน่วยงานด้านความมั่นคง เกิดจุดอ่อนอะไรในพื้นที่ถึงทำให้เกิดเหตุการณ์วางระเบิดป่วนถึง 102 จุดในวันเดียว นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลไม่เอาจริง ละเลยในการแก้ไขปัญหานี้ ไม่กล้าลงพื้นที่หรือตัดสินใจ ไม่กล้าทุ่มเทงบประมาณ ขนาดรองนายกฯ และรัฐมนตรีก็ไม่กล้าลงไป ประชาชนจะไม่มั่นใจ ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องกล้าลงไปจึงจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ถ้าเมื่อไหร่ที่ประชาชนทำใจเหินห่างจากรัฐบาลก็ยิ่งแก้ปัญหาได้ยากขึ้น
นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ 1. นายกรัฐมนตรีต้องกล้าประกาศแนวทางสร้างสันติให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความสงบสุข 2. ต้องมอบให้รองนายกรัฐมนตรีคนเดียว ใครก็ได้ดูแลรับผิดชอบเพื่อความเป็นเอกภาพ โดยให้อำนาจคุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องกล้าลงไปพบทุกฝ่ายในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา ความคิดของคนในพื้นที่
3. นายกรัฐมนตรีต้องทุ่มเทงบประมาณเพื่อสร้างงานเพิ่มรายได้คนในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และ 4. มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนทั้งเครื่องมือและงบประมาณต้องเพียงพอ หากยังมี 3 รองนายกรัฐมนตรีดูแล และนั่งบัญชาการที่ศูนย์แพนตากอนที่ กทม.ปัญหานี้ก็ไม่จบ เพราะแต่ละคนพูดกันไม่ลงรอย เข้าใจต่างกัน เสียเวลาเปล่าๆ นายกรัฐมนตรีจะทำเป็นรู้บ้างไม่รู้บ้างในเรื่องอื่น แต่เรื่องภาคใต้ต้องใส่ใจมากกว่านี้ การจะโยนเรื่องนี้ให้กองทัพดูแลฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาและไม่ถูกต้อง ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันรับผิดชอบ
