3 ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ต่างประเทศ แถลง ปชป.ยื่นมะกันสอบวีซ่า “นช.แม้ว” กระทบความมสัมพันธ์ ละเมิด รธน.สหรัฐ อ้างเรื่องธรรมดา ไม่ถึงมือพรรคการเมือง-วุฒิสมาชิก ไล่กลับไปดู กม. ชี้อัยการสูงสุดมีหน้าที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ใช่ รบ. เย้ย “กษิต” เสียเที่ยวบินไปฮอลแลนด์ โดน “รัชดา” สวนจ้อในฐานะอะไร “พีรพันธุ์” อ้างนามส่วนตัว แต่เอกสารแถลงขึ้นชื่อ กมธ.แจงมะกันให้วีซ่า “นช.แม้ว”
วันนี้ (23 ส.ค.) ที่รัฐสภา กรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในส่วนของพรรคเพื่อไทย นำโดย นางกุสุมาลวดี ศิริโกมุท ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศคนที่ 1 และ น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการการต่างประเทศ ร่วมแถลงข่าวต่อกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมส่งหนังสือไปยังนายจอห์น เคอร์รี วุฒิสมาชิกในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาคองเกรส และพรรครีพับลิกันสหรัฐอเมริกา เพื่อสอบถามถึงจุดยืนในกรณีที่สหรัฐอเมริกาขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนางกุสุมาลวดีกล่าวว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีได้มีผลอะไร แต่มีผลเป็นการทำลายล้างทางการเมือง และมีความอิจฉาริษยา ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร แต่เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นางกุสุมาลวดีกล่าวต่อว่า การออกวีซ่าของสหรัฐอเมริกามีหลักการตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประเทศอื่นจะละเมิดมิได้ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน เป็น ส.ส. และกรรมาธิการการต่างประเทศ ขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่ก้าวล่วงอธิปไตยและหลักความมั่นคงของประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์แสดงถึงการเสียมารยาททางการเมือง และเสียมารยาททางการฑูตอย่างไม่น่าที่จะกระทำให้เสื่อมเสียชื่อของประเทศไทย
ด้าน นายพีรพันธุ์กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในคณะกรรมาธิการต่างประเทศไม่ได้มีการหารือกัน เพราะเห็นว่าการที่สหรัฐฯ จะออกวีซ่าให้ใครก็เป็นเรื่องธรรมดาของหน่วยงานสหรัฐฯ จะเป็นผู้ดำเนินการออกวีซ่าให้ ตนไม่คิดว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน หรือพรรคเดโมแครต จะเป็นผู้พิจารณา เช่นเดียวกับประเทศไทยการที่จะไปขอวีซ่าก็จะต้องยื่นโดยตรงที่สถานทูต ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานเหล่านี้ นอกจากนั้นยังมีกรณีที่เรียกร้องให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การจะส่งได้หรือไม่ ต้องดูที่ 2 อย่าง คือ สนธิสัญญาระหว่างประเทศระหว่างไทยและสหรัฐฯ และ พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ด้วย
นายพีรพันธุ์กล่าวต่อว่า จึงแปลกใจว่าเหตุใดนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานจึงดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นการพยายามที่จะดิสเครดิต และสร้างความสับสนให้ประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ควรจะเคารพกติกามารยาทระหว่างประเทศให้มากกว่านี้ ในส่วนกรณีที่ทางพรรคประชาธิปัตย์มีการเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการสั่งการไปยังอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีนั้น ตนอยากให้ไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องบ้าง โดยหลักหากประเทศไทยจะขอให้ประเทศอื่นส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ คนที่เป็นตัวประสานงานกลาง คือ อัยการสูงสุด จะเป็นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่ตัวรัฐบาล รวมทั้งสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีแต่เป็นการดำเนินการของอัยการสูงสุด แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์กลับให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
นายพีรพันธุ์ยังระบุอีกว่า กรณีที่นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าได้มีการไปยื่นหนังสือต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และทางศาลได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งศาลได้ระบุว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง อันที่จริงในเรื่องนี้กว่าศาลรับเรื่องไว้พิจารณาต้องใช้ระยะเวลานาน สิ่งที่นายกษิตระบุนั้น เป็นเพียงแค่การเสียค่าเครื่องบินไปยื่นหนังสือ และศาลก็ได้รับหนังสือไว้เท่านั้น แต่กลับมาออกข่าวว่าศาลได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการแถลงข่าว นางรัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ได้เข้ามาฟังการแถลงข่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ และทันทีที่นายพีรพันธุ์แถลงเสร็จ ได้สอบถามไปยังผู้แถลงข่าวทั้ง 3 คน ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าการแถลงข่าวในฐานะกรรมาธิการ หรือส่วนตัว นายพีรพันธุ์จึงกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าแถลงในนามส่วนตัว เพราะเรื่องนี้กรรมาธิการการต่างประเทศไม่ได้มีการพิจารณา นางรัชดาจึงกล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นเอกสารที่นำมาประกอบการแถลงข่าวควรจะระมัดระวัง นายพีรพันธุ์จึงสวนกลับทันควันว่า เมื่อสักครู่ได้บอกไปแล้วว่าไม่ได้มีการหารือในชั้นกรรมาธิการ จากนั้นนางรัชดาได้เดินออกไปจากห้องแถลงข่าวทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารประกอบการแถลงดังกล่าว มีหัวข้อว่า “กรรมาธิการการต่างประเทศแถลงกรณีสหรัฐอเมริกาให้วีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”