xs
xsm
sm
md
lg

"ปู" ชี้ ปธน.พม่าเยือนไทยพัฒนาสัมพันธ์ ลั่นผุดไวไฟเพิ่ม คาดมือเท้าปากลดใน 6 สัปดาห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
นายกฯ ชู "เต็งเส่ง" เยือนไทยพัฒนาความสัมพันธ์ ทำบันทึกท่าเรือน้ำลึกทวายเชื่อมแหลมฉบัง พร้อมช่วยพัฒนาประชาธิปไตย ปฏิรูปเศรษฐกิจ แลกเปลี่ยนพลังงาน ยกระดับเปิดด่าน 3 จุดถาวร เตรียมความพร้อมอาเซียน อ้างแจกแท็บเล็ตหวังอยากพัฒนาคน ลั่นผุดไวไฟสาธารณะ 4 หมื่นจุด ยันมือเท้าปากป่วยลด คาดคลี่คลายใน 6 สัปดาห์


วันนี้ (28 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ว่า สำหรับการต้อนรับพล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐพม่า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มาเยือนประเทศไทยในรอบ 51 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศในอาเซียนที่มีความสัมพันธ์กันดี ในการเยือนครั้งนี้นอกจากจะมีการเจรจาทวิภาคีแล้วจะมีการร่วมกันมือกันครั้งสำคัญ คือการทำบันทึกความร่วมมือพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย เพื่อสร้างเส้นทางการติดต่อระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวายเชื่อมกับท่าเรือแหลมฉบังของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของการส่งออก ซึ่งเป็นหนึ่งที่เราเรียกว่า คอนเนคทีวิตี้ในการเชื่อมโยงในประเทศอาเซียน ถือเป็นโครงข่ายการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ ทำให้การส่งออกทางด้านตะวันตกสะดวกมากขึ้น ส่งต่อไปยังยุโรปหรืออินเดียได้ดีขึ้น เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจทั้งของประเทศไทยและพม่า และก่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะเพิ่มการค้าการลงทุน นอกจากนี้พม่าจะมีการพัฒนาปรับเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยซึ่งก็ต้องการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นจากความสัมพันธ์ที่ดี เราจึงมีการลงนามในการเข้าไปช่วยเหลือและร่วมพัฒนาในหลายๆ ด้าน อาทิ การพัฒนาขีดความสามารถด้านบุคลากร และในปี 2557 พม่าจะรับหน้าที่เป็นประธานอาเซียน ซึ่งฝ่ายไทยจะเข้าไปช่วยเตรียมความพร้อม และการปฏิรูปเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนพลังงาน เป็นต้น และในปีหน้าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-พม่า ครบรอบ 64 ปี ซึ่งเป็นข่าวที่ดีและจะมีการจัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ขึ้น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ส่วนการเปิดการค้าชายแดนซึ่งเป็นหนึ่งในการหารือทวิภาคี ได้ข้อสรุปว่าจะมีการยกระดับเปิดด่านชายแดน 3 ด่านถาวร คือ ด่านกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ ด่านบ้านหวยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน และด่านบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน คือการรวมเป็นหนึ่งเพื่อสร้างความแข็งแรงระหว่างประเทศไทยและอีก 9 ประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของการเปิดเสรีการค้า และแรงงาน ที่จะมีการดำเนินการได้เสรีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับทั้งภาครัฐและเอกชน จึงต้องมีการเตรียมตัว เป็นที่มาของการหารือเวิร์คช็อปแบบบูรณาการระหว่างหลายๆ กระทรวง โดยให้แต่ละกระทรวงมีโอกาสรายงานว่าดำเนินการในส่วนนี้อย่างไรบ้าง ภายใต้ 3 เสาหลัก คือ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคม และความมั่นคง คือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในประชาคมอาเซียน และประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษร่วมด้วย คือ การสร้างโครงข่ายคอนเน็คทีวิตี้ โครงข่ายพื้นฐาน ทางน้ำ บก อากาศ รถไฟ ให้เชื่อมโยงกันกับการพัฒนาของ 3 เสาหลักด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาควบคู่กัน ซึ่งในเรื่องการเชื่อมโยงคอนเน็คทิวีตี้คมนาคมคงจะเป็นเจ้าภาพใหญ่ ส่วนการพัฒนาคนเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายอินเตอร์เน็ตว่า หลักคิดที่ทำนโยบายพัฒนาอินเตอร์เน็ต และแท็บเล็ต เนื่องจากเห็นว่าความรู้เริ่มไร้ขีดจำกัด ข้อมูลต่างๆ มีมากมายที่ไร้ขีดจำกัด รัฐบาลจึงอยากเน้นการพัฒนาคน โดยเฉพาะเยาวชนที่จะสามารถดึงข้อมูลจากหลายๆ ที่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งยังเป็นการสร้างความเท่าเทียมความรู้ของคนเมืองและคนต่างจังหวัด โดยแบ่งเป็น 3 หลัก คือเทคโนโลยีเหมือนถนน และมีไวไฟเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนเนื้อหาความรู้วิชาการ ก็ต้องมีการเตรียมว่าต้องการอย่างไร และสื่อ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้ครบหมดแล้วทั้งเนื้อหา ซึ่งเหลือแต่ไวไฟที่ต้องเร่งพัฒนา ปีแรกอยากเห็นไวไฟในที่สาธารณะ 4 หมื่นจุด โดยขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศได้พัฒนาแล้วกว่า 2 หมื่นจุด และใน 6 เดือนมีผู้สมัครใช้บริการกว่า 3 แสนรายแล้ว และก็เตรียมพัฒนาขยายทั่วประเทศด้วย ซึ่งเราได้ขอความร่วมมือไปยัง กสทช. ทีโอที แคท และภาคเอกชนด้วย ทั้งนี้ ภายในเดือน ส.ค. จะมีการพัฒนาเป็นแสนกว่าจุด และต้นปีหน้าจะมีการพัฒนาเป็น 2 แสนจุดต่อไป

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ว่า จากการแพร่ระบาดมากว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งอัตราการแพร่ระบาดลดลง และเชื่อว่าน่าจะคลี่คลายไปในอีก 6 สัปดาห์ ทั้งนี้ได้ย้ำกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการให้เร่งหาแนวทางป้องกัน ให้ความรู้ และเร่งการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดการระบาด และขอความร่วมมือในการรักษาความสะอาด ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร


กำลังโหลดความคิดเห็น