“สาธิต” ไม่ปล่อยลอยนวล งัดจริยธรรม ก.ตร.เล่นงาน “เพรียวพันธ์” ดอดพบ “นช.แม้ว” นักโทษหนีคดีที่ฮ่องกง ตามด้วย ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลออกมติ ครม.เยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนแก๊งแดง โดยยึดคาร์บอมบ์ที่ อ.รามัน เป็นตัวตั้ง
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เดินทางเข้าอวยพรวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี ที่ฮ่องกงว่า ตนจะติดตามรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องนี้เพื่อนำสู่การดำเนินคดี เพราะสงสัยว่า ผบ.ตร.อาจกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรืออาจะขัดต่อกฎของ ก.ตร.ว่าด้วยจริยธรรมและจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่ตำรวจปี 2553 ที่มีส่วนหนึ่งกำหนดว่ามาตรฐานจริยธรรมของตำรวจต้องมีพฤติกรรมที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและยอมรับ ธำรงถึงศักดิ์ศรีของข้าราชการตำรวจ และต้องไม่เลือกปฏิบัติ
“ไม่ได้ต้องการทำเรื่องนี้เพื่อเป็นประเด็นการเมือง แต่อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนึกว่าสิ่งใดที่ควรหรือไม่ควรปฏิบัติ เพราะมีการวิจารณ์ว่าผู้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ติดตัวอยู่ตลอด หากพบผู้กระทำผิดที่ใดก็ต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งในกรณีนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์สามารถแจ้งไปยังรัฐบาลฮ่องกงว่าพบผู้ต้องหาหนีคดี และให้รัฐบาลฮ่องกงส่งเรื่องมายังหน่วยงานในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาผมเคยยื่นเรื่องให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ในขณะนั้นดำเนินคดีต่อ ส.ส.ที่เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง สตช. แจ้งกลับมาว่า ส.ส.ไม่ได้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่น่าจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในกรณีนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็น ผบ.ตร.ไปพบผู้หนีคดีเอง ก็น่าจะมีการดำเนินการให้ชัดเจน”
นายสาธิตนยังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลออกมติ ครม.ในการเยียวยาครอบครัวตำรวจ ทหาร และประชาชนที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้ยกกรณีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ 5 คนจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ อ.รามัน จ.ยะลา เป็นกรณีตั้งต้น โดยเกณฑ์การเยียวยาควรจะเหมือนกับการเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงิน 7.75 ล้านบาท และควรจะชดเชยให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายได้ทรัพย์สินตามความเป็นจริงด้วย
“รัฐบาลสามารใช้มติ ครม.ทำได้เลย และสามารถใช้เงินงบกลางเหมือนเคยทำกรณีเยียวยาผลกระทบจากการชุมนุม แม้แผนนี้จะไม่เป็นแผนการแก้ไขปัญหา แต่อย่างน้อยก็เป็นการให้ขวัญกำลังใจครอบครัวที่สูญเสีย และเป็นหลักประกันกับครอบครัวที่เสียสละทำหน้าที่แทนคนจำนวนมาก”
