"ส.ว.สมชาย" แนะ "นิคม" พิสูจน์ตัวเองไม่ใช่สายของคนจากแดนไกล ตามข้อครหา ระบุ ประธานวุฒิสภาคน ต้องเป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พร้อมเสนอวัฒนธรรมใหม่ หากประธานหมดวาระ รองประธานวุฒิสภาฯ ต้องออกยกชุด
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการคัดเลือกประธานวุฒิคนใหม่แทน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ที่ต้องหลุดจากเก้าอี้ประธานวุฒิสภา หลังศาลตัดสินจำคุก แต่ให้รอลงอาญาว่า ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันทั้ง ส.ว.สายเลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหาบ้างแล้ว ซึ่งส.ว.สายสรรหาบางส่วนก็เคยได้ทำงานกับส.ว.สายเลือกตั้งมาบ้างแล้ว ดังนั้นการเลือกประธานวุฒิสภาฯในครั้งนี้จึงไม่จำกัดว่าจะต้องมาจากสายเลือกตั้งหรือสรรหาแต่ขอให้ผู้ที่จะมาเป็นประธานวุฒิสภาฯคนใหม่มีความชัดเจน เป็นกลางทางการเมืองและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนพรรคการเมือง
นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติและสังคม มีสปิริตสูงกว่า ส.ว.ทั่วไป ซึ่งหากท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าได้ประธานวุฒิสภาฯที่มาจากสายเลือกตั้งหรือสรรหาตนก็รับได้
ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ว.สายสรรหา อาจจะมีการเสนอชื่อ นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา ลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิฯนั้น นายสมชาย กล่าวว่า นายพิเชตก็เป็นอดีตผู้ตรวจสอบแผ่นดินที่ปฎิบัติหน้าที่ได้ดีและถือว่ามีความเหมาะสมที่จะมาลงชิงตำแหน่งนี้ แต่เท่าที่ทราบขณะนี้นายพิเชตก็ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว และตนก็คิดว่าไม่ว่าจะเป็นนายพิเชต ,นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิฯคนที่ 1 หรือนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ถือว่าน่าสนใจพอๆ กันทั้ง 3 คน อย่างไรก็ตามตนคิดว่าขณะนี้ยังพอมีเวลาในการพูดคุยเพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดมาเป็นประธานวุฒิฯ
ส่วนที่ นายนิคม ระบุว่าเพื่อความสบายใจตนจะลาออกจากตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ก่อนแล้วมาลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิฯนั้น นายสมชาย เชื่อว่า หากนายนิคมลาออกก่อนจาก รองประธานคนที่ 1 แล้วมาลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิฯก็น่าจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นเพราะเมื่อครั้งที่แล้วนายนิคม ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งจึงทำให้ ส.ว.บางส่วนมีความกังวล เนื่องจากยังนั่งเก้าอี้รองประธานคนที่ 1 อยู่ นอกจากนี้นายนิคมจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นคนของพรรคการเมืองพรรคใด อีกทั้งตนก็ไม่เชื่อข่าวที่บอกว่านายนิคมเป็นคนของแดนไกล ดังนั้นจึงขอให้นายนิคมพิสูจน์ตัวเองในเรื่องนี้
นายสมชายยังได้เสนอความคิดเห็นว่า หากการคัดเลือครั้งนี้ได้ประธานวุฒิฯที่มาจากสายเลือกตั้งก็เท่ากับว่า ยังมีเวลาอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะครบวาระเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน ดังนั้นตนจึงขอเสนอให้เป็นวัฒนธรรมใหม่ว่า หากประธานวุฒิฯหมดวาระก็ขอให้มีการคัดเลือกทั้งประธานและรองประธานทั้ง 2 คนด้วยเช่นกัน