โฆษกรัฐบาลเผย ครม.เห็นชอบจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระราชินี 80 พรรษา ใช้งบรวม 112 ล้าน รับนายกฯ ห่วงมือเท้าปากเปื่อย สั่ง สธ.ร่วมมือ ศธ.หามาตรการป้องกัน พร้อมนัดประชุมเตรียมความพร้อมอาเซียน 26 ก.ค.
วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักการกรอบงบประมาณของสำนักงานงบประมาณ ในจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตามที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานและคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ การดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ การจัดสร้างสารคดีภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ การจัดงานสโมสรสันนิบาต และงบประมาณที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะสำรองเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 112 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ทางคณะผู้จัดงานได้ประสานกับทางสำนักงบประมาณต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเรื่องโรคมือเท้าปากเปื่อยซึ่งระบาดในขณะนี้ โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการหามาตรการป้องกันสำหรับเด็กเล็กในโรงเรียนต่างๆ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจให้ต่อประชาชนในพื้นที่สาธารณะ เพื่อเป็นการยับยั้งและการดูแลที่ถูกต้องทันถ่วงที
นอกจากนี้ นายกฯ ได้แจ้งในที่ประชุม ครม.ว่าในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 09.00-16.00 น. จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยการประชุมจะเน้นสามเสาหลักที่เกี่ยวข้องประชาคมอาเซียน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และด้านความมั่นคงและการเมือง ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมในภาพรวม โดยให้สํานักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการ สำหรับกำหนดการในการประชุมวันที่ 26 ก.ค.นั้น นายกฯ จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุม จากนั้นสภาพัฒน์จะเป็นผู้ชี้แจงกรอบในการทำงานว่าแต่ละกระทรวงจะต้องร่วมกันดำเนินการอย่างไร โดยให้ทุกกระทรวงเตรียมเสนอผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบในการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนของกระทรวงนั้นๆ ตลอดจนแผนงานและกรอบเวลาในการเตรียมความพร้อม และประเด็นเร่งด่วนที่ต้องนำมาพิจารณา เช่น อุปสรรคหรือข้อจำกัดที่เกิดจากกฎระเบียบต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ในแต่ละกระทรวงจะให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้นำเสนอรายละเอียดต่างๆ ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคม เพื่อเป็นการประเมินหาทางแก้ไข และวิเคราะห์เป็นรายกระทรวง ทั้งนี้ ในโอกาสต่อๆ ไปจะมีการประชุมโดยแยกเจาะจงในรายละเอียด เช่น การประชุมเศรษฐกิจโดยเฉพาะ การประชุมสังคมและวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เป็นต้น นอกจากนี้นายกฯ ต้องการให้แต่ละกระทรวงมีผู้ที่รับผิดชอบเรื่องของอาเซียนโดยเฉพาะ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักการกรอบงบประมาณของสำนักงานงบประมาณ ในจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตามที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานและคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ การดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ การจัดสร้างสารคดีภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ การจัดงานสโมสรสันนิบาต และงบประมาณที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะสำรองเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 112 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ทางคณะผู้จัดงานได้ประสานกับทางสำนักงบประมาณต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเรื่องโรคมือเท้าปากเปื่อยซึ่งระบาดในขณะนี้ โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการหามาตรการป้องกันสำหรับเด็กเล็กในโรงเรียนต่างๆ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจให้ต่อประชาชนในพื้นที่สาธารณะ เพื่อเป็นการยับยั้งและการดูแลที่ถูกต้องทันถ่วงที
นอกจากนี้ นายกฯ ได้แจ้งในที่ประชุม ครม.ว่าในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 09.00-16.00 น. จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยการประชุมจะเน้นสามเสาหลักที่เกี่ยวข้องประชาคมอาเซียน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และด้านความมั่นคงและการเมือง ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมในภาพรวม โดยให้สํานักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการ สำหรับกำหนดการในการประชุมวันที่ 26 ก.ค.นั้น นายกฯ จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุม จากนั้นสภาพัฒน์จะเป็นผู้ชี้แจงกรอบในการทำงานว่าแต่ละกระทรวงจะต้องร่วมกันดำเนินการอย่างไร โดยให้ทุกกระทรวงเตรียมเสนอผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบในการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนของกระทรวงนั้นๆ ตลอดจนแผนงานและกรอบเวลาในการเตรียมความพร้อม และประเด็นเร่งด่วนที่ต้องนำมาพิจารณา เช่น อุปสรรคหรือข้อจำกัดที่เกิดจากกฎระเบียบต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ในแต่ละกระทรวงจะให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้นำเสนอรายละเอียดต่างๆ ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคม เพื่อเป็นการประเมินหาทางแก้ไข และวิเคราะห์เป็นรายกระทรวง ทั้งนี้ ในโอกาสต่อๆ ไปจะมีการประชุมโดยแยกเจาะจงในรายละเอียด เช่น การประชุมเศรษฐกิจโดยเฉพาะ การประชุมสังคมและวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เป็นต้น นอกจากนี้นายกฯ ต้องการให้แต่ละกระทรวงมีผู้ที่รับผิดชอบเรื่องของอาเซียนโดยเฉพาะ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย