“สมเจตน์” เผยคำแถลงปิดคดีใกล้เสร็จ ย้ำเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมามีความพยายามให้ได้มาซึ่งอำนาจร่าง รธน.ใหม่เพื่อฉีก รธน. 50 หวังช่วย “นช.แม้ว” ชี้แก้วาระ 1 และ 2 เท่ากับล้มล้างฉบับเดิมแล้ว ด้าน “วรินทร์” ยัน ม.291 ไม่สามารถแก้ไขเพื่อเปิดทางให้ ส.ส.ร.ซึ่งถือเป็นอำนาจนอกระบบมายกร่าง รธน.ได้
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา หนึ่งในผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ กล่าวว่า การจัดทำคำแถลงปิดคดีใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งแนวทางคำแถลงนอกจากจะสรุปประเด็นตาม 4 แนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญตั้งไว้ จะนำถ้อยคำที่ได้เบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญมาสรุปให้เห็นภาพ ระบุถึงสภาวะแวดล้อม เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาว่ามีความพยายามให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มุ่งแก้ไขปัญหาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากกว่าแก้ปัญหาประเทศ
ส่วนข้อโต้แย้งของอีกฝ่ายว่าเป็นเพียงจินตนาการเพราะเรื่องยังไม่เกิดนั้น จะชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่ขั้นตอนรับหลักการวาระแรกมาจนถึงวาระ 2 เท่ากับเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญแล้ว โดยเทียบกรณีในปีนี้รัฐบาลขอกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำจะท่วมหรือสร้างความเสียหายอย่างที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาจริงหรือไม่ แสดงให้เห็นถึงการกู้เงินมาใช้เพื่อตอบสนองในการจินตนาการเรื่องที่ยังไม่เกิด สิ่งที่ตนทำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการล้มล้างการปกครองและป้องกันไม่ให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เชื่อว่าหากเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดการปฏิวัติแน่นอน
ด้าน นายวรินทร์ เทียมจรัส หนึ่งในผู้ร้องฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทำคำแถลงปิดคดีเสร็จแล้ว เตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 ก.ค.นี้ โดยสรุปเนื้อหาเป็นการสรุปในคำเบิกความตาม 4 ประเด็นที่ศาลตั้งไว้เป็นแนวทางการพิจารณา ประเด็นแรกที่ว่าด้วยอำนาจการฟ้องร้องตาม มาตรา 68 วรรคสอง ตนเห็นว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง และศาลได้แสดงให้เห็นแล้ว ในกรณีดังกล่าวหลังจากรับเรื่องไว้พิจารณา
“ผมเห็นว่ามาตรา 291 ไม่สามารถแก้ไขเพื่อเปิดทางให้มีอำนาจนอกระบบ คือสมาชิกสภาร่าง รัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนสมาชิกรัฐสภาตามที่มาตรา 291 กำหนดไว้ การให้ ส.ส.ร.มาใช้อำนาจแทน ส.ส. และ ส.ว.เท่ากับเปิดทางอำนาจนอกรัฐธรรมนูญให้มีอำนาจเหนือกว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่าทำไม่ได้ ส่วนประเด็นอื่นเป็นไปตามที่ได้ขึ้นเบิกความ และไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม”