xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส” ซัดรัฐบาลดูถูกคนไทย ทำโอดครวญนาซา แต่ไม่ดูตั้ง รมต.บัญชีดำสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (ภาพจากแฟ้ม)
“แกนนำกลุ่มกรีน” ซัดรัฐบาลดูถูกคนไทย โอดครวญนาซายกเลิกสำรวจอากาศในไทย ถามใครกันแน่เสียประโยชน์ เสียโอกาสตั้งแต่ตั้ง “นลินี” รมต.บัญชีดำห้ามเข้าสหรัฐฯ แล้ว ส่วนการเลื่อนโครงการถือเป็นชัยชนะของคนไทย เพราะรัฐธรรมนูญช่วยปกป้อง ไม่ให้นักการเมืองแอบลงนามต่างประเทศ เชื่อสหรัฐฯ เข้าใจ

วันนี้ (29 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงกรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา ประกาศยกเลิกโครงการใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจสภาพภูมิอากาศ ต่อมาคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมากล่าวหาคนที่คัดค้านโครงการดังกล่าวว่าทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสและอาจจะกระทบกับความสัมพันธ์ที่มีมานานกับสหรัฐฯ นั้น เห็นว่าว่าการพูดเช่นนี้เป็นการดูถูกคนไทยและรัฐธรรมนูญไทย

ทั้งนี้ คนที่ออกมาทักท้วงเรื่องนี้ต้องการให้เกิดความโปร่งใส และยืนยันได้ว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อภัยพิบัติและมนุษยธรรมจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งเรื่องวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการสอดแนมทางด้านทหาร ซึ่งเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่หลายประเทศเคลือบแคลงตั้งแต่ยังไม่เริ่มโครงการด้วยซ้ำ เช่น จีน และรัสเซีย ก็แสดงความไม่สบายใจต่อโครงการดังกล่าวอย่างชัดเจน จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาลต้องทำให้เกิดความโปร่งใส หากรัฐบาลสามารถพิสูจน์ได้ก็ไม่มีใครคัดค้าน และเชื่อว่าคนไทยก็จะสนับสนุนโครงการนี้

ส่วนประเด็นการเสียโอกาสนั้น ต้องถามว่าเป็นโอกาสของคนไทยหรือโอกาสของ พ.ต.ท.ทักษิณ กันแน่ เพราะถ้ามองว่าคนไทยเสียโอกาส ก็ต้องบอกว่าเราเสียโอกาสตั้งแต่มีการแต่งตั้ง นางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลแล้ว ทั้งที่นางนลินีถูกกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ ซึ่งทำให้เราเสียทั้งโอกาสและเกียรติภูมิของประเทศ แต่ไม่เห็นรัฐบาลกังวลในประเด็นนี้เลย และออกมาท้าทายว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายของสหรัฐไม่ใช่กฎหมายไทย ซึ่งประเด็นนี้ต่างหากที่ล่อแหลมต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เพราะถือว่าทางการไทยท้าทายและตบหน้าทางการสหรัฐอฯ ย่างแรง

ส่วนการเลื่อนโครงการออกไปก็ต้องถือว่าเป็นชัยชนะของคนไทยที่เราทำให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 มีผลในทางปฏิบัติ เพราะสหรัฐฯ ก็มีกฎหมายในลักษณะแบบนี้ ที่จะลงนามหรือทำข้อตกลงกับต่างประเทศก็ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเช่นกัน ไม่ใช่การปล่อยให้ผู้นำที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนไปแอบลงนามกับต่างประเทศ แต่ซุกซ่อนผลประโยชน์ส่วนตัวไปด้วยเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตนเชื่อว่าสหรัฐฯ เข้าใจเงื่อนไขแบบนี้ มีแต่นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนต่างหาก ที่ไม่ยอมเข้าใจและพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น