“สุกำพล” ระบุประชุม “JWG” ไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุปทั้ง 2 ประเทศเคลียร์ทุ่นระเบิด จุด A, B, C, D พื้นที่ “เขาพระวิหาร” หากพื้นที่ปลอดภัยทหาร เตรียมปรับกำลังออกจากพื้นที่ “ประยุทธ์” ชมเขมรให้ความร่วมมือดี ยันไม่มีการหารือปรับกำลังทหาร-ส่งผู้สังเกตการณ์
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JWG (Joint Working Group) ครั้งที่ 2 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสนาธิการทหาร กับ พล.อ.เนียง พาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และคณะทำงานทั้งสองประเทศร่วมหารือ ว่า ไทยและกัมพูชาได้ตกลงกันว่าทั้งสองฝ่ายจะเคลียร์กวาดล้างทุ่นระเบิดในจุด A, B, C, D, ที่ทางศาลโลกได้กำหนดพื้นที่ไว้ ซึ่งช่วงเดือนกรกฎาคมหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดไทย-กัมพูชาจะหารือกันในกรอบการทำงานอีกครั้ง
“หากเคลียร์ระเบิดในพื้นที่ A, B, C, D จนพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ขั้นตอนต่อไปทั้งสองฝ่ายจะหารือในหัวข้อการปรับกำลังทหารของทางไทย-กัมพูชาออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม JWG ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการส่งผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถส่งผู้สังเกตการณ์มาในพื้นที่ได้หากยังกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ดังกล่าวไม่เรียบร้อยจนปลอดภัยก่อน”
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า การประชุม JWG อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งตนได้รับรายงานว่าการประชุม JWG เมื่อวานนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการหารือเรื่องการจัดคณะทำงานเข้ามาหารือต่อในเรื่องของการกวาดล้างทุ่นระเบิดบริเวณเขาพระวิหาร อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หรือปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกก็ต้องผ่านตามขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ที่เป็นพูดคุยเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายที่เห็นชอบร่วมกัน
“การประชุม JWG ครั้งนี้ ไทยและกัมพูชาได้ข้อสรุปว่าทั้งสองฝ่ายจะกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยบนเขาพระวิหารก่อน ถึงจะทำอย่างอื่นต่อได้ และทุกอย่างยังเป็นไปตามสิ่งที่เราทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันไว้ ก็ต้องชื่นชมทางกัมพูชาว่าให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ และต่างคนต่างร่วมมือกันในการทำงาน และไทย-กัมพูชาจะทะเลาะเบาะแว้งกันไม่ได้ เพราะบ้านเมืองติดกัน อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมไม่มีการหารือถึงเรื่องการปรับกำลังทหารในพื้นรอบปราสาทเขาพระวิหารทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงการส่งผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียลงพื้นที่”