“ปราโมทย์” ชี้สถานการณ์ฝนยังปกติไม่เหมือนปี 54 แต่อย่าเพิ่งไว้วางใจ แนะต้น ก.ค. จับตาร่องมรสุม หากแช่อยู่ภาคเหนือนานเกินปลาย ก.ย.น่าเป็นห่วง จากนั้นปลาย ก.ค.ให้ติดตามระดับน้ำ ปิง วัง ยม น่าน ที่สำคัญคือเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ ถ้าล้นตลิ่งช่วงต้น ต.ค.เป็นต้นไป กรุงเทพฯ ปลอดภัย ด้าน “ชัยพันธ์” ลั่นหากท่วมคราวนี้ นายกฯ ต้องรับผิดชอบเต็มๆ
วันที่ 21 มิ.ย. เวลา 20.30 น. นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน และนายชัยพันธ์ ประภาสะวัต ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิชุมชน ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายปราโมทย์กล่าวว่า การขุดลอกคูคลองเพื่อรับมืออุทกภัย จากประสบการณ์ของตนแล้วช่วยได้แค่นิดหน่อย ส่วนการทำคันกั้นก็เป็นเรื่องอันตราย เพราะเมื่อปกป้องพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง พื้นที่อื่นก็จะเดือดร้อน เพราะน้ำมันไม่ไป
สำหรับปีนี้ เรื่องฟ้าฝนยังปกติ แม้ภาคใต้ดูรุนแรงแต่ยังไม่เท่าปี 2553-2554 เป็นธรรมดาของต้นฤดูฝน เป็นแนวปะทะลมมรสุม จังหวัดระนองฝน 8 แดด 4 เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่เวลานี้คลี่คลายแล้ว ภาคเหนือเวลานี้ก็คลี่คลายแล้ว ร่องมรสุมหลุดจากประเทศไทยเข้าประเทศจีนแล้ว อีกทั้งเวลานี้เกิดภาวะฝนตกน้อยในหน้าฝน เรียกว่าฝนทิ้งช่วง สภาพเบาบางกว่าปีที่แล้วเยอะ
แต่ต้นกรกฎาคม ร่องมรสุมจากจีนจะวกกลับเข้าประเทศไทยใหม่ โดยเฉลี่ยอาจไปถึงกลางกรกฎาคม โดยจะเข้ามายังภาคเหนือตอนบน-ตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และถึงกรุงเทพมหานครปลายกันยายน-ตุลาคม
เอาเป็นว่าตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป เริ่มภาคเหนือก่อน อย่าให้ร่องมรสุมอยู่นานเลยสักเดือนเดียวก็พอ หรือ 20 วันพอ ปีก่อนอยู่ตั้งแต่ปลายมิถุนายน-ต้นตุลาคม ไม่ลงมาข้างล่างสักที พอลงมาปุ๊บหลุดกรุงเทพฯเข้าใต้เลย แต่ปีนี้ยังไม่รู้ ตนก็กลัวว่าฝนตกภาคกลางตรงๆ ร่องมรสุมแช่อยู่ก็เป็นเรื่องได้ อย่างปี 2533 สวนส้มรังสิตเสียหายไปแสนไร่ ปี 2538 มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง ก็ถึงขั้นพายเรือได้
ตั้งแต่ปลายกรกฎาคม ให้ติดตามฝน ติดตามน้ำท่า ปิง วัง ยม น่าน และที่สำคัญคือเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ เมื่อปีก่อนน้ำล้นตลิ่งเจ้าพระยาต้นที่นครสวรรค์ต้นเดือนกันยายน ก่อนที่จะล้นตลิ่งเจ้าพระยา ก็ล้นยม ทุ่งบางระกำ อำเภอชุมแสง แช่มาตลอด แล้วล้นตลิ่งเจ้าพระยาอยู่ 1 เดือนครึ่ง ถึงเกือบ 2 เดือน จึงค่อยยุบ ทั้งที่ปกติไม่เคยมียาวยานแบบปี 54 อย่างนานก็ล้นอยู่ 20 วัน ฉะนั้นต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร มองดูด้วยตาไม่ได้
ถ้าน้ำล้นตลิ่งเจ้าพระยาสักต้นตุลาคม หรือกลางตุลาคม กรุงเทพฯ ปลอดภัย เพราะล้นตลิ่งช้า มันคลี่คลายได้ ส่วนร่องมรสุมก็ต้องดูด้วย ปกติไม่อยู่ที่ภาคเหนือนาน ปลายกันยายนก็ลงมาภาคกลางตอนบนแล้ว อีกทั้งพายุจรที่ยังไม่มีใครรู้ ต้องจับตาดู แต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แวว
นายชัยพันธ์กล่าวว่า ถ้าฝนตกภาคเหนือมากๆจะลำบากเพราะน้ำสะสม เดือนที่แล้วตกที่เหนือมาก แต่ตอนนี้เริ่มหยุดแล้ว ก็เบาใจหน่อย ที่น่าห่วงก็คือกรกฎาคม ฝนจะมาช่วงไหน ถี่ขนาดไหน
วันนี้รัฐบาลใช้คนไม่ถูก ไปเอาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามา แม้เก่งก็จริง แต่เรื่องพวกนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าคนของบ้านเราเอง เขามาอยู่แค่กี่วันจะมากกว่าคนที่อยู่มายาวนานได้อย่างไร แล้วหากน้ำท่วมครั้งนี้ นายกฯ ต้องรับผิดชอบเต็มๆ