สวนดุสิตโพลจัดให้!! ถามชาวกรุงเทพฯ กรณี “สุเทพ” ปูด “ทักษิณ” ชวนร่วมรัฐบาลทันควัน ร้อยละ 52.65 ชี้แค่สร้างกระแส ร้อยละ 47.96 ไม่แน่ใจว่าเชื่อได้หรือไม่ ร้อยละ 84.12 รับไม่ได้มีแต่ รบ.ไม่มีฝ่ายค้าน ร้อยละ 73.86 ระบุแค่เกมการเมือง ร้อยละ 42.95 รับข่าวทำเบื่อการเมือง
วันนี้ (20 มิ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,398 คน ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชักชวนพรรคประชาธิปัตย์มาเข้าร่วมรัฐบาลโดยแลกกับการไม่คัดค้านร่าง รธน.และร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติพบว่า 52.65% เป็นการสร้างกระแสเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง เป็นการเล่นเกมทางการเมือง 15.92% ต้องการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีบทบาทและรัฐบาลให้ความสำคัญ 12.65% ต้องการชี้ให้สังคมเห็นว่าการบริหารงานของนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังมีปัญหาและลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล 9.80% เป็นการออกมาพูดเพื่อหยั่งเชิงดูว่าสังคมหรือกลุ่มนักการเมืองที่เกี่ยวข้องจะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ และ 8.98% อาจมีความเป็นไปได้ที่มีการพูดคุยหรือมาติดต่อทาบทามกัน แต่ไม่น่าถึงขั้นจริงจังหรือลึกซึ้งอะไร
เมื่อถามว่า ประชาชนเชื่อหรือไม่ จากที่นายสุเทพออกมาเปิดเผยข่าวดังกล่าว 47.96% ไม่แน่ใจ เพราะการเมืองไทย ณ วันนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ ควรตระหนัก ก็คือการสร้างความปรองดองและหวังให้บ้านเมืองสงบสุขเป็นสำคัญ ฯลฯ 29.03% ไม่เชื่อ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรคที่อยู่ต่างขั้วกันมาตลอดจะมาเข้าร่วมรัฐบาลเดียวกัน, เป็นเกมการเมืองที่นายสุเทพหวังสร้างกระแสเพื่อเรียกความสนใจจากสังคม ฯลฯ และ 23.01% เชื่อ เพราะ น่าจะมีมูลความจริงเนื่องจากนายสุเทพเป็นนักการเมืองอาวุโสและเป็นที่เคารพนับถือของนักการเมืองทั่วไป มีนิสัยกล้าพูด, เรื่องที่เปิดเผยเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สมควรนำมาพูดเล่น ฯลฯ
เมื่อถามว่า ประชาชนจะรับได้หรือไม่ ถ้าหากการเมืองไทยจะมีฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว 84.12% รับไม่ได้ เพราะเป็นการบริหารบ้านเมืองแบบเผด็จการ ไม่มีการถ่วงดุลหรือคานอำนาจ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย, นักการเมืองมีอำนาจ ในการบริหารประเทศมากเกินไป เกิดการทุจริต คอร์รัปชันในวงกว้าง ฯลฯ และ 15.88% รับได้ เพราะหากข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายหรือยุติลงได้ ถ้าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านสามารถทำได้จริง อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข นักการเมืองมีความสามัคคี ปรองดอง ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศ ฯลฯ เมื่อถามต่อว่า ประชาชนคิดว่าจากกรณีดังกล่าวเป็นการเล่นเกมการเมืองหรือไม่ 73.86% เป็นเกมการเมือง เพราะเป็นการออกมาพูดเพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลและกระแสของสังคมว่าจะเป็นอย่างไร, ต้องการเรียกร้องความสนใจและอยากให้กลุ่มผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลเกิดความเข้าใจผิด และทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวาย ฯลฯ 21.13% ไม่แน่ใจ เพราะ สถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ไม่มีเสถียรภาพที่จริงแท้แน่นอน นักการเมืองต่างเล่นละครเข้าหากัน พูดจาเอาดีใส่ตัว ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก ฯลฯ และ 5.01% ไม่เป็นเกมการเมือง เพราะจากกระแสข่าวที่ออกมาคิดว่าน่าจะมีมูลความจริงอยู่บ้าง การออกมาพูดอาจเป็นเพียงสิ่งที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงทิศทางทางการเมืองที่ดีที่อาจมีขึ้นก็เป็นได้ ฯลฯ
เมื่อถามว่าสิ่งที่ประชาชนได้รับจากข่าวที่เกิดขึ้น 42.95% ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการเมือง นอกจากความรู้สึกเบื่อหน่ายและหดหู่ใจ 27.24% ได้เห็นพฤติกรรมของนักการเมืองที่มุ่งหวังแต่อำนาจและผลประโยชน์ การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 16.67% ได้รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายออกมากล่าวหาหรือแก้ต่างกัน และ 13.14% รู้สึกสับสน ขาดความเชื่อมั่น ไม่มั่นใจในตัวนักการเมือง ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ