ประธาน ส.ส.กทม.เพื่อไทย ยันไม่เคยขู่ “สุเทพ” ขนเด็กไฮด์ปาร์กถึงถิ่น แย้มเอาบ้างจัดเวทีเชิญโจกแดงจ้อเล่าสภาป่วนเสาร์นี้ ชู “เรืองไกร” เป็นกลาง สอบทุกพรรค อ้างคดีกรุงไทย ไม่เกี่ยว พ.ร.บ.ปรองดอง
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.00 น.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ จะจัดเวทีเสวนา “ผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่หน้าสำนักงานเขตมีนบุรี ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ว่า ที่มีหนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าวระบุวานนี้ (13 มิ.ย.) ว่า ตนออกมาขู่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่า การลงพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตมีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่การเลือกตั้งของตนนั้น อาจทำให้เกิดปัญหา ซึ่งกรณีนี้ตนอยากชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่าที่ นายสุเทพ ระบุว่า ไม่ได้กลัวคำขู่ เพราะผ่านการถูกการข่มขู่มาตั้งแต่ปี 52-53 ที่จริงแล้วตนไม่เคยขู่ แต่ไม่ทราบว่านายสุเทพ อ้าง และพูดในลักษณะนี้เพื่อประสงค์อะไร อย่างไรก็ตาม การจัดเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถดำเนินการได้ เพราะหากการปราศรัยจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง
นายวิชาญ กล่าวอีกว่า มีประชาชนจำนวนมากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยเพื่อชี้แจงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสภาฯบ้าง เพราะฉะนั้นทางพรรคเพื่อไทย จึงจะเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 16.00 น.ใช้ชื่อว่า “เพื่อไทย ความจริงเพื่อประชาธิปไตย” เพื่อต้องการให้ประชาชนที่ยังหาความจริงไม่เจอเข้ามาฟัง นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีราย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย
ส่วนการยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา นายวิชาญ ได้แสดงความคิดเห็นว่า เป็นการทำหน้าที่โดยถูกต้องแล้ว และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม หรือเลือกปฏิบัติ เพราะเห็นบทบาทตั้งแต่เป็น ส.ว.ที่ทำหน้าที่เป็นกลาง ยื่นตรวจสอบทุกพรรค
นายวิชาญ ยังวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามเอา พ.ร.บ.ปรองดอง มาเชื่อมโยงกับคดีการปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทย โดยพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเคยมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวอาจทำให้ล้างผิดได้นั้น เป็นความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการสร้างความสับสนโดยการนำทุกเรื่องโยงเข้าหากัน ซึ่งคดีต่างๆ เหล่านี้เกี่ยวกับการบริหารประเทศจึงเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ปรองดอง
