รำคาญลิ่วล้อแม้วโชว์ด่าศาลลุ้นยกระดับ-รักษาเก้าอี้ รมต.!!

ผ่าประเด็นร้อน

ต้องมองอย่างนั้นจริงๆ สำหรับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกลิ่วล้อ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่เป็น ส.ส.และไม่เป็น ส.ส.รวมทั้งเป็น “หัวโจก” คนเสื้อแดง ที่กำลังแย่งกันส่งเสียงด่าศาลรัฐธรรมนูญกันอย่างเมามันอยู่ในเวลานี้ ถ้าสังเกตให้ดีมันก็เป็นเพียงแค่ “ลีลาโชว์นาย” ไม่ต่างจากการแสดงที่ต้องทำให้ถึงบทบาท เพื่อรอรับผลตอบแทนในวันหน้าก็ไม่ปาน

ขณะเดียวกัน ถ้าสังเกตให้ดีคนที่ออกมาแสดงความเห็นในแบบดุเดือดเมามัน เกือบทั้งร้อยล้วนหวังผลในตำแหน่งหน้าที่ หรือไม่ก็ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นมาทดแทนอีกคนหนึ่งที่กำลังผลัดเปลี่ยนออกไป

เพราะต้องไม่ลืมว่าหลังจากปิดสมัยประชุมในวันที่ 19 มิถุนายนแล้วบรรยากาศก็จะเปลี่ยนไปกลายเป็นเรื่องการ “วิ่งเต้น” แย่งเก้าอี้รัฐมนตรี แย่งกันเป็น “อำมาตย์ใหม่” ในช่วงที่กำลังจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงครบ 1 ปี ขณะเดียวกันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องปรับก็คือเพื่อหลบหนีศึกซักฟอกของฝ่ายค้านที่จองคิวเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อสภาเปิดประชุมสมัยสามัญในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อลดแรงเสียดทาน แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นไปได้เหมือนกันที่การปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นหลังการซักฟอก เพราะจะใช้เป็นเหตุผลในการเปลี่ยนตัว

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นประเด็นปลีกย่อย เพราะในการยื่นญัตติซักฟอกเที่ยวนี้ฝ่ายค้านเขายื่นไม่ไว้วางใจพุ่งเป้าไปที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหลัก และเลี่ยงลอยตัวเหมือนก่อนอีกไม่ได้แล้ว

วกมาที่การแสดงของบรรดาลิ่วล้ออีกที ก็ต้องยอมรับว่ามีหลายคนที่แอบลุ้นอยู่ในใจว่าต้องการเปลี่ยนแปลงหรือรักษาสถานะเดิมเอาไว้ ซึ่งหากแยกพวกแรกออกมาก่อนที่น่าจับตาเวลานี้ก็มี ก่อแก้ว พิกุลทอง ที่เดิมโนเนมไม่รู้ที่มาที่ไป จนได้เป็นหัวโจกคนเสื้อแดง แต่ก็ไร้เพาเวอร์ เมื่อเทียบกับ วีระกานต์ มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, จตุพร พรหมพันธุ์, และในที่สุดจับพลัดจับผลูได้เป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แต่บทบาทก็งั้นๆไม่ได้คมคายอะไร อย่างไรก็ดี หลังจากจตุพรถูกถีบตกจากเก้าอี้ ส.ส.ก็เริ่มเห็นอาการที่เปลี่ยนไปของก่อแก้ว ที่เริ่มห้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนจะถึงขั้นแสดงบทบาทเพื่อหวังมาทดแทน จตุพร หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ดูแล้วผิดสังเกต โดยเฉพาะล่าสุดถึงกับเสี่ยงไล่บี้ให้เปลี่ยนตัว สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ พ้นตำแหน่งประธานรัฐสภาหลังจากไม่กล้าหักศาลรัฐธรรมนูญ สั่งลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระ 3 เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน) ซึ่งนั่นก็มองได้ว่าเป็นแค่ลีลาพุดไปแบบไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะหากบ้าตามแรงยุคนที่ซวยหนักกว่าใคร ไม่ใช่ ก่อแก้วกับพวก ส.ส.เพื่อไทย แต่เป็นตัว สมศักดิ์ ที่มีโอกาสกลายเป็น “ค้อนเน่า” ก็เป็นได้

อีกด้านหนึ่งเมื่อมาพิจารณาบทบาทของจตุพร ที่ระยะหลังเริ่มเงียบเสียงลงมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้รับคำมั่นไว้ล่วงหน้าจากเจ้าของรัฐบาลตัวจริงคือ ทักษิณ ว่าจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี เมื่อสมใจแล้วก็ต้องนั่งนิ่งๆ หรือเปล่า

ขณะเดียวกัน อีกพวกหนึ่งที่อยู่ในข่ายในข่าวถูกปรับพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีก็ต้องรีบแสดงบทบาทแบบถึงลูกถึงคนแบบผิดไปคนละคน ที่เห็นก็มีรายของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ตามข่าวสะพัดหนาหูว่าอาจถูกเด้งพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วให้ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปนั่งควบคุมกองทัพด้วยตัวเอง

จะเป็นด้วยสาเหตุความไม่มั่นใจดังกล่าวทำให้ เขาต้องออกโรงแสดงท่าทีผสมโรงรุมยำศาลรัฐธรรมนูญแบบดุเดือดถึงกับยุให้เดินหน้าต่อแบบไม่ต้องสนใจใคร ทำนองอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด มัวรีรอก็ไม่ต้องทำอะไร เหมือนกับว่าให้ “เข้าตา” ให้มากที่สุด

ถ้าพิจารณารวมๆ มันออกมาแนวแย่งกันโชว์ให้เข้าตานาย หวังว่านายจะเห็นคุณค่า ไม่ลืม เมื่อมีโอกาสเหมาะก็อย่าลืมผมก็แล้วกัน หวังยกระดับสร้างราคาขึ้นมาหรือไม่ก็บางคนที่กำลังเสี่ยงต่อการตกเก้าอี้หลังทำผลงานไม่เข้าเป้า ถึงเวลาเปลี่ยนตัวก็ต้องการยื้อให้นานที่สุด หรือไม่ก็ให้รักษาสภาพเดิมเอาไว้ก่อน

ดังนั้น ถ้ามองในมุมของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของคนพวกนี้บางทีมันก็น่าปวดหัวเหมือนกัน เพราะวันๆ ต้องเจอกับพวก “หลอกรับประทาน” ประเภท “ดีครับพี่ ถูกต้องครับนาย” หรือ “บุกเข้าไปไม่ต้องกลัวมัน” ทำให้ประเมินสถานการณ์ผิดเพี้ยนอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะอยู่นิ่งๆ ใช้ใช้เงินสบายๆ เงียบๆ กลับดิ้นรนหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อย บางทียิ่งดิ้นมันก็ยิ่งรัดแน่น ที่สำคัญโอกาสที่จะเป็นไปตามที่ฝันเอาไว้มันก็ยิ่งห่างไกล เพราะมีพวกลิ่วล้อที่น่ารำคาญประเภทดังกล่าวนี่แหละ!!