ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป.โต้ “พานทองแท้” ชี้แค่ละอ่อนการเมือง แนะย้อนกลับไปดู “พ่อแม้ว” ใช้เงินฟาดหัวดูด ส.ส.สมัย ทรท.การเมืองน้ำเน่าหรือไม่ เทียบ “มาร์ค” รับใช้ประชาชนไม่ใช่ “ทักษิณ” เข้าใจดีปกป้องพ่อแต่ต้องดูชาติบ้านเมือง ยันไม่ก้าวล่วง แต่เป็นบุคคลสาธารณะวิจารณ์ได้ แนะถ้าไม่ให้ใครพาดพิงอย่าริอ่านใช้เฟซบุ๊กเหน็บแนม
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ออกมาจัดประเภท ส.ส.ให้ตนและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นประเภทเดียวกัน เพราะพาดพิงไปยังบุพการี คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ความจริงไม่อยากจะตอบโต้ในลักษณะสืบความยาวสาวความยืด เพราะเห็นว่านายพานทองแท้ไม่ใช่นักการเมือง เป็นเพียงละอ่อนที่ต้องการมีบทบาททางการเมือง และลามปามมาถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงและเตือนสติเท่านั้น การมาจัดประเภทนักการเมืองน้ำเน่าหรือน้ำดี ต้องให้กลับไปดูนักการเมืองในพรรคของพ่อตัวเองว่าเป็นนักการเมืองอย่างไร โดยเฉพาะการทำพรรคการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มต้นมาจากการกวาดต้อนซื้อตัว ส.ส.มาสังกัดพรรคในยุคที่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ อย่างนั้นเรียกว่าเป็นการเล่นการเมืองน้ำเน่าหรือไม่ เพราะเป็นการตกปลาในอ่างคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ตนและนายอภิสิทธิ์จะเป็นนักการเมืองประเภทใดก็ตาม แต่ก็เป็นนักการเมืองที่รับใช้ประชาชน ไม่ได้รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นิยมเผาบ้านเผาเมืองตามคำยุยงของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างแน่นอน การพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณบ่อยครั้งก็ไม่ได้ก้าวล่วงไปยังนายพานทองแท้แต่อย่างใด ทั้งนี้ ต้องตระหนักว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักการเมืองที่เป็นพิษภัยต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลอันตราย เป็นนักโทษหนีคดีที่กระบวนการยุติธรรมจะต้องนำตัวมาลงโทษ อย่างไรก็ตาม ย่อมเข้าใจหัวอกของนายพานทองแท้เป็นอย่างดีว่ามีความรักและอยากปกป้องผู้เป็นบิดา แต่ควรจะคำนึงถึงความถูกต้องและความชอบธรรม ต้องแยกให้ออกระหว่างความรักที่มีต่อพ่อ กับความรักที่มีต่อประเทศชาติบ้านเมือง
“การพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากให้พูดว่าเป็นการก้าวล่วงบุพการี แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้านายพานทองแท้ไม่ต้องการให้ใครพาดพิงบุพการีของตัวเองก็ไม่ควรที่จะใช้เฟซบุ๊กออกมาเหน็บแนมพาดพิงให้คนอื่นเสียหายได้ ซึ่งจะต้องตระหนักว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร ไม่ควรที่จะก้าวล่วงในลักษณะไม่รู้จักกาลเทศะอย่างนี้” นายเทพไทกล่าว