รายงานการเมือง
ปลดฟ้าผ่า! เด้ง ผบช.น. “วินัย ทองสอง” เข้ากรุ 30 วัน ตะลึงงันกันไปทั้งบางกับปฏิบัติการสายฟ้าแลบของ ผบ.ตร. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
เบื้องหลังคำสั่งย้ายครั้งนี้ แว่วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี ฟิวส์ขาด หัวเสียอย่างมากที่ ส.ส.เข้าประชุมสภาไม่ได้ เสียแผน เสียหายอย่างรุนแรง จึงต้องมีใครเซ่นสังเวยระบายอารมณ์เยี่ยงนี้
เหตุการณ์มวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และม็อบแนวร่วมหลากสี ผนึกกำลัง ขัดขวางไม่ให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณและสมุนอุตส่าห์เดินเกมเร็ว หมายเข้าเส้นชัยชนิดเฉียบพลัน
มีอันต้องสะดุดหัวทิ่ม ด้วยการนำศึกโดยกลุ่มพันธมิตรฯ และแนวร่วม
การนำมวลชนมาปิดล้อมสภา ไม่เปิดทางให้ ส.ส.เข้าไปประชุมสภา ด้วยท่าทีแข็งกร้าวจากพลังศีลธรรม นับว่าได้ผลชะงัดนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ให้ล่าถอยไปก่อน ไม่อยากให้เสี่ยงหักด่านประจัญบานเข้าไป เพราะนั่นจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุมเชิงอยู่ต้องเผชิญหน้ากับม็อบพันธมิตรฯ อาจเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!!
ท้ายที่สุดการประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจึงไม่เกิดขึ้นตามที่ “นายใหญ่” คนเสื้อแดงตั้งใจเดินเกมเร็ว ว่ากันคราวเดียว 3 วาระรวด
เจ็บครั้งเดียว เสียวครั้งเดียว ต้องแท้งก่อนคลอด
จึงเกิดอาการฉุนขาดสั่งฟันฉับ ผบช.น.กระเด็นหลุดเก้าอี้ โทษฐานไม่สามารถควบคุมฝูงชน เปิดทางให้ลิ่วล้อเข้าไปแก้ไขกฎหมายช่วยตัวเองได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเสมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ถูกตัดขาด ก่อนหน้านี้นายใหญ่และเครือข่ายพรรคเพื่อไทยก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ “วินัย” มาแต่ไหนแต่ไร เนื่องเพราะทำงานไม่รู้ใจ ไม่สนองคำสั่ง
โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นไปตามใบสั่ง การโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง เอาแต่พวกพ้องตัวเองเข้ามาเป็นหลัก นรต.รุ่น 32 รุ่นเดียวกับตัวเอง ตบเท้าเข้ามามีอำนาจบาตรใหญ่เต็มพรืดไปหมด
ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการ ไม่ว่าจะเป็น กองบังคับการนครบาล 1 ที่มีแหล่งอบายมุขมากมาย นครบาล 6 ขุมทองย่านพัฒนพงษ์ ยานนาวา นครบาล 9 เขตติดต่อพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล ผลประโยชน์เกี่ยวกับการจราจร รถบรรทุกต่างๆ รวมไปถึงระดับผู้กำกับ สน.ต่างๆ ทั้ง สน.พญาไท โอเอซิสของนครบาล ขุมทองที่ต่างจ้องเข้ามาขุดเจาะ ตลอดจน สน.ลุมพินี และ สน.โคกคราม สน.น้องใหม่ที่มีสถานบันเทิงมหาศาล บริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา พี่น้องพวกพ้องเข้าไปยึดทำเลทอง พื้นที่เกรดเอกันหน้าสลอน
แต่ด้วยความเกี่ยวดองเป็นญาติ เป็นหลานเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้ “วินัย” ลอยหน้าอยู่ในตำแหน่งได้เรื่อยมา ไม่มีใครกล้าทำอะไร
แต่การพ่ายศึกม็อบครั้งนี้ สร้างความเจ็บปวดให้ พ.ต.ท.ทักษิณยิ่งนัก ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ปล่อยให้ม็อบประกาศชัยชนะเหนือผู้แทนลิ่วล้อจอมสอพลอ ทั้งที่วางกำลังหนาแน่ แต่ก็ต้านทานพลังประชาชนไม่ได้ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะจัดการมวลชน จึงถูกย้ายก้นไปนั่งที่อื่นแทน และโอกาสที่จะกลับมาดูแล้วยากเต็มกลืน
ฉับพลันทันทีก็โยกเอา พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 มารักษาราชการแทน วงการตำรวจรู้ตื้นลึกหนาบางดี “คำรณวิทย์” เป็นคนรับใช้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ จับเครื่องบินไปดูไบพร้อม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม อยู่ตลอด สายสัมพันธ์ค่อนข้างแนบแน่น ขณะที่การทำงานต้องยอมรับว่าเจ๋งไม่น้อยเช่นกัน เป็นตำรวจทำงานเชิงรุก ห้าวหาญ โจรผู้ร้ายได้ยินชื่อถึงกับหนาวสั่น
ครั้งหนึ่งเคยสร้างวีรกรรมลือลั่นวิสามัญฯ “โจ ด่านช้าง” จนเกือบเอาชีวิตราชการไม่รอด หวิดต้องไปนั่งเลี้ยงลูกหลานอยู่บ้านทำอาชีพอื่นก่อนเวลาอันควร เพราะคดีดังกล่าวเจอญาติเอาเรื่อง จนต้องเสียเงินเสียทองไปเยอะกว่าจะเคลียร์กันได้
“คำรณวิทย์” ไปอยู่รอง ผบช.ภ.1 เจริญเติบโตยาก เพราะตามสเต็ปเส้นทางแล้วตำแหน่ง ผบช.ภ.1 ตัวจริงคือ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพรามณ์กุล นรต.35 เป็นมติของ ก.ตร.ตั้งแต่ 2 ปี ที่แล้ว เป็นตั๋วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฝากมา เพียงแต่ติดเรื่องร้องเรียนการฉ้อฉลอายุราชการ ส่งชื่อไปกินตำแหน่งราชการที่ภาคใต้ แต่ตัวไม่ไป เอาอายุราชการมาคูณ ทำให้มองว่าขาดความอาวุโส เรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของ สตช. ต้องจับตาอีกระยะว่าผลสอบจะออกมเป็นอย่างไร แต่คาดว่าเมื่อแรงส่งดี ผลสอบออกมาคงพ้นผิด
ได้มานั่งรักษาการ ผบช.น.คราวนี้เหมือนได้โอกาสครั้งสำคัญให้เข้ามารักษาการทำงานเฉพาะกิจพิชิตม็อบ อย่างไรก็ดี น่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างสำหรับตำแหน่งนี้ของ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ครั้งนี้ เจ้าตัวดูขึงขังจริงจังเป็นพิเศษ ภารกิจเบื้องต้น 30 วัน ต้องจัดการควบคุมฝูงชนให้ลุล่วง ตามใบสั่งนายเหนือ หากทำงานเข้าเป้าอาจถูกหวยรางวัลที่ 1 ถึง 2 งวดซ้อนๆ นั่งแป้นเป็น ผบช.น.ตัวจริงได้เลย
โอกาสและจังหวะมาแล้ว มีเดิมพันสูงขนาดนี้คงต้องถวายชีวิตทำงานเต็มที่
อย่างไรก็ตาม แม้ “คำรณวิทย์” จะเป็นมือปราบสายเหยี่ยว เดินงานเชิงรุกถึงอกถึงใจ แต่ใช่ว่าการควบคุมมวลชนจะสำเร็จโดยง่าย เพราะเนื้องานแตกต่างจากที่ทำมาสิ้นเชิง วันนี้ต้องมาคุมสถานการณ์ประชาชนที่มาเรียกร้องผลประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหน ดังนั้นทำอะไรต้องระมัดระวัง จะใช้วิธีรุนแรง เหมือนที่กระทำกับโจรผู้ร้ายไม่ได้!!
แต่เรื่องที่น่าสนใจในจังหวะเดียวกัน คือ ความเคลื่อนไหวของ “ปวีณา หงสกุล” ที่หลายคนรู้กันดีว่าเป็นคนที่ทำงานควบคู่กับ “คำรณวิทย์” มาตลอด “เจ๊ปิ๊ก” รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมา ก็จะชงเรื่องต่อมาเข้าทาง “รองฯแจ๊ส” ดูแลในเรื่องของคดีความตลอดมา ความสัมพันธ์แนบชิด มากกว่าเพื่อน
จึงต้องจับตาว่าหาก พล.ต.ต.คำรณวิทย์ทำงานในหน้าที่ใหม่ได้ดี อยู่โยงยาวต่อเนื่องไปแล้ว เส้นทางการเมืองของปวีณาจะเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าปวีณาอาจโดดลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยเพราะแรงหนุนส่งจาก “คำรณวิทย์” อีกแรงก็ได้
แต่ก่อนอื่นใดต้องจับตาการทำงานของ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ในตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ท้าทายชีวิตการทำงานอย่างที่สุด แม้จะทำงานเข้าขากับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา แม้จะสนิทกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แต่ถ้าไม่เข้าตานายใหญ่ใครก็ช่วยไม่ได้ เดิมพันครั้งนี้ถ้าไม่สำเร็จ อาจกระเด็นหลุดวงโคจรไปไกลกว่าเดิมก็เป็นได้
จึงน่าสนใจและติดตามเหลือเกินว่า ยุทธวิธีควบคุมมวลชนที่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จะนำมาใช้ จะได้ผลสร้างชื่อให้ตัวเอง หรือจะกลายเป็นผลร้ายย้อนมาทิ่มแทงตัวเอง