“สุริยะใส” ชี้ พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อทักษิณ ส่อชนวนรุนแรงยากหลีกเลี่ยง ซัดรัฐปูแดงอำมหิตไม่ฟังเสียงค้าน ระบุร่างฉบับ “เต้น” หวังปลุกแดงปกป้อง แฉสื่อ นปช.สั่งระดมม็อบจองพื้นที่หน้าสภาตั้งแต่เย็นนี้ กดดันผ่าน 3 วาระรวด เชื่อเพื่อไทยส่งร่างประกบหวั่น “บัง” ถอดใจแพ้แรงต้าน คาด “นช.แม้ว” สั่งตรงเร่งเกมเร็ว ฉะรัฐอย่าลอยตัวปิดความรับผิดชอบหากเกิดรุนแรง ชูคนต้านเพียบแน่
วันนี้ (29 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่าการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อทักษิณ ทั้ง 4 ฉบับ กำลังจะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงและการเผชิญหน้าที่ยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็รู้ดีแต่ไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆ ถือว่าเป็นคนมีจิตใจอำมหิตกว่าที่คิด เพราะการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่นิรโทษกรรมทุกกลุ่มยกเว้นผู้ต้องหาคดี 91 ศพนั้น ก็เพื่อเป็นเครื่องมือปลุกระดมคนเสื้อแดงที่เริ่มแตกแถวให้รวมกันเพื่อปกป้องและผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งในขณะนี้มีการระดมมวลชนคนเสื้อแดงผ่านสื่อในเครือเสื้อแดง ทั้งทีวี วิทยุชุมชน และเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ไปชุมนุมที่หน้าสภาฯ ตั้งแต่เย็นนี้ เพื่อให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมไปโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อทักษิณ และถ้าคนเสื้อแดงสามารถยึดพื้นที่หน้าสภาฯ ไว้ได้ ก็มีโอกาสที่วันที่ 31 พฤษภาคม อาจมีการพิจารณา 3 วาระรวดเพื่อรวบรัดตัดตอนทีเดียวและมัดมือชกเสียงข้างน้อยในสภา
“เดิมทีพรรคเพื่อไทยไม่ได้เตรียมเสนอร่างประกบ แต่กังวลว่าร่างของ พล.อ.สนธิจะถูกแรงต้านจนต้องถอดใจถอนออกไป ฉะนั้น ส.ส.เพื่อไทยปีกเสื้อแดงจึงคิดแผนส่งร่างเอาใจมวลชนเสื้อแดงมาประกบเพื่อเป็นกลยุทธ์ระดมมวลชนออกมาสนับสนุนให้มาก เกมปรองดองเพื่อทักษิณครั้งนี้ ถูกสั่งตรงจากนายใหญ่ให้เร่งเกมเร็ว เพราะถ้าเล่นเกมช้าไม่มีโอกาสชนะ ฉะนั้นโอกาสการเผชิญหน้าของมวลชนทั้ง 2 ฝ่ายมีความเป็นไปได้สูง สูงกว่าช่วงก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพราะทั้งฝ่ายคัดค้านและสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง มีเป้าหมายที่สวนทางกันแพ้ไม่ได้ทั้งคู่ หากเกิดความรุนแรงขึ้น รัฐบาลที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะลอยตัวปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นคนจงใจสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง” นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนและเครือข่ายกลุ่มต่างๆ นั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะมีคนมาร่วมจำนวนมาก เนื่องจากผลกระทบของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้รุนแรงมากกว่าการรัฐประหาร กันยา 49 เพราะไปโค่นล้มหลักนิติรัฐ และอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นเสาหลักของประเทศ