รักษาการโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบจ่าย 2.4 ล้านล้านบาท ชงตั้ง กมธ.วิฯ 63 คน “กิตติรัตน์” นำทีม ระบุเหตุวาระพิจารณาน้อย เพราะ “ปู” กำชับให้ถกเรื่องงบเป็นหลัก
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอเกี่ยวกับการปรับการจัดทำปฏิทินร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายปี 2556 โดยเบื้องต้นประเมินว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ ภายในวันที่ 7 ก.ย. 2555 นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดให้มีการนำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่ 1 ในวันที่ 21-23 พ.ค. และในวันที่ 15-16 ส.ค. ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่2 และ 3 จากนั้นในวันที่ 3 ก.ย. จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา และคาดว่าไม่เกินวันที่7 ก.ย. สำนักเลขาธิการครม. จะสามารถนำร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศเป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงสร้างงบประมาณ ปีงบประมาณ 2556ในส่วนของวงเงินงบประมาณรายจ่าย อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท โดยมีรายได้รวม อยู่ที่2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นรายได้ จำนวน 2.1 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อจัดทำงบประมาณขาดดุล จำนวน 3 แสนล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 12.54 ล้านล้านบาทอย่างไรก็ดี เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นขอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 (ต.ค. 55-ก.ย. 56) จำนวน 2.4 ล้านล้านบาท โดยในส่วนดังกล่าวแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ1.9 ล้านล้านบาท รายจ่ายด้านการลงทุน 4.49 แสนล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้9.4 หมื่นล้านบาท และเป็นงบประมาณขาดดุล 3 แสนล้านบาท สำหรับรายได้ในปีงบประมาณ2556 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านบาท
รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2556 จำนวน 63 คน ที่จำนวนเทียบเท่ากับปีงบประมาณ 2554 และ 2555 โดยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกำหนดไว้ว่า การเลือกตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯให้ตั้งจากบุคคลที่ครม.เสนอชื่อจำนวนไม่เกิน 1 ใน 4ของของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด หรือ 15 คน ส่วนจำนวนนอกนั้นให้ที่ประชุมเลือกจากรายชื่อที่สมาชิกเสนอโดยให้มีจำนวนตาม หรือ ใกล้เคียงกับอัตราส่วนของจำนวนสมาชิกของแต่ละพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภาในสัดส่วน48 คน โดยแบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 25 คน พรรคประชาธิปัตย์ 15 คน พรรคภูมใจไทย 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 1คน พรรคพลังชล 1 คน และพรรครักประเทศไทย มาตุภูมิ ประชาธิปไตยใหม่ มหาชน และรักษ์สันติรวมกัน 1 คน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการวิสามัญฯจำนวน 63 คน ตามสัดส่วนรับบาลเสนอ15คน ครม.เห็นควรประกอบด้วย 6 รายชื่อ คือ1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง 2.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง 3.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ 4.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผอ.สำนักงบประมาณ5.นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ รองผอ.สำนักงบประมาณและ 6.นายวีระยุทธ ปั้นน่วม รองผอ.สำนักงบประมาณ โดยอีก9รายชื่อเห็นสมควรตามครม.เสนอ
รายงานข่าวจากที่ประชุมครม. เปิดเผยว่า สาเหตุที่การประชุมครม.ในครั้งนี้ มีวาระพิจารณาค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่เป็นเรื่องเบาๆนั้น สืบเนื่องมาจากในการประชุมครม.ครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 8 พ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับต่อที่ประชุมว่า สำหรับวาระที่จะมีการพิจารณาในการประชุมครม.ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้เป็นเรื่องการพิจารณางบประมาณเป็นหลักเท่านั้น