ฝ่ายค้านจับตาแก้ รธน. โละมาตรา 67 จี้หาข้อสรุปองค์กรอิสระสิ่งแวดล้อม “อภิสิทธิ์” ห่วงรัฐบาลกันราคาพลังงานออกจากภาพใหญ่ของปัญหาราคาสินค้า ทั้งที่เป็นตัวเพิ่มต้นทุนการขนส่งทำของแพง ระบุปรับ ครม.เศรษฐกิจแต่นโยบายไม่เปลี่ยน ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
วันนี้ (7 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังรายงานและตรวจเยี่ยมผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดโรงงานบีเอสที อิลาสโตเมอร์ส ที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดว่า หลังจากเกิดประเด็นเรื่องนิคมอุตสาหกรรม ในเรื่องคดีความ อุบัติเหตุในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการตั้งกรรมการ 4 ฝ่ายโดยพยายามเร่งรัดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาในขณะนี้ที่ต้องตั้งข้อสังเกต คือ 1. รัฐบาลปัจจุบันกลับไม่ได้รองรับการยืนยันที่จะมีการตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม 2. ทราบว่ามีแนวคิดด้วยซ้ำว่าในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะไม่มีบทบัญญัติในเนื้อหาที่คล้ายๆ กับมาตรา 67 ทั้งที่ต้องเกี่ยวกับบทเรียนในพื้นที่นี้ ตั้งแต่การตรวจวัดอากาศ เชื่อมโยงการเตือนภัย
ทั้งนี้ ตนมองว่ากระบวนการพัฒนา อาทิ การวางผังเมือง ต้องคิดเรื่องนี้แต่ต้นไม่ใช่รอให้เกิดค่อยแก้ไข อาทิ เรื่องผังเมืองต้องวางให้ชัด ส่วนนิคมอุตสาหกรรมที่จะไปสร้างในพื้นที่ภาคใต้นั้น ยืนยันว่าพรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยแต่ต้นอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการตอบโต้ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านในปัญหาสินค้าราคาแพงว่า อย่ามาเสียเวลาเถียงเลยให้รัฐบาลบอกไปเลย มีปัญหาจะแก้อย่างไร หรือถ้ารัฐบาลยืนยันว่าไม่แพง ก็ขอให้ยกเลิกทุกโครงการที่ของบประมาณไป และรัฐบาลเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ เอาเวลาไปแก้ปัญหาจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการยอมรับเรื่องค่าพลังงานและค่าขนส่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นี่คือหัวใจและชี้มาตลอดว่าตัวพลังงานขนส่ง เป็นตัวกระตุ้นขยับราคาสินค้าขึ้น หากรัฐบาลไม่ทบทวน แต่ทยอยขึ้นไปเรื่อย รัฐบาลต้องตัดสินใจที่จะดูแลฐานะประชาชนมากกว่ารัฐวิสาหกิจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้นโยบายพลังงานถูกกันไปจากภาพใหญ่ของปัญหาราคาสินค้า รัฐมนตรีพลังงานจะมองในฐานะผู้ประกอบการในภาคพลังงาน เลยไม่เชื่อมโยงกับภาคขนส่งว่ามันมีผลกระทบต่อราคาสินค้า
ไม่ได้ และรัฐบาลนี้ที่ไม่ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร เหมือนกับรัฐบาลที่แล้วก็เพราะว่าไม่ยอมเข้าใจว่าพอเกิน 30 บาทผลกระทบคืออะไร และผลก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าไปดูว่าราคาพลังงานกระทบราคาสินค้าอย่างไร จะปล่อยให้เป็นเรื่องกระทรวงพลังงานหรือกระทรวงคมนาคม อันใดอันหนึ่ง
ไม่ได้ และก็ต้องดูในส่วนกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่า ที่มีการเสนอรายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องไปดูว่าต้นตออยู่ตรงไหนและจัดการตรงส่วนนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีไมได้เข้ามามีปัญหา การปรับ รมว.พลังงานออกจากคณะรัฐมนตรี จะมีผลอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ไม่สำคัญเท่ากับเปลี่ยนนโยบาย แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการทบทวน ขอย้ำว่านายกฯ เองเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวเองในการที่จะทำ การจะปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงคงไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องดูภาพรวม จะดูเฉพาะผู้ประกอบการในภาคพลังงานคงไม่ได้ และนายกรัฐมนตรีควรจะมีความเข้มแข็งในการทำเรื่องนี้ อยากให้กลับไปตั้งหลักทบทวนนโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องว่ามีการผิดพลาดจนทำให้กลายเป็นวงจรการขึ้นราคาหรือไม่