เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย คารวะนายกฯ หลังรับตำแหน่ง แย้มเล็งเปิดสถานทูตในสยาม และสถานทูตไทยในแบกแดดอีกครั้ง หลังสถานการณ์เริ่มสงบ
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวอามาล มูซา ฮุซัยน์ อาลี อัรรุบัยอีย์ (Dr.Amal Mussa Hussain Ali Al-Rubaye) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสที่ นางสาวอามาล มูซา ฮุซัยน์ อาลี อัรรุบัยอีย์ เข้ารับตำแหน่ง และกล่าวว่า ไทย และอิรัก มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นระหว่างกันมาเป็นเวลานาน จึงมีความพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยน และเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุนรวมถึง ได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนการส่งออกสินค้าของไทยไปยังอิรัก เช่น ข้าว และอะไหล่รถยนต์
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย ได้กล่าวขอความสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอิรักและไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากในขณะนี้ สถานการณ์ความไม่สงบในอิรักได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว นอกจากนี้ สาธารณรัฐอิรักกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนการให้มีการเปิดสถานเอกอัครราชทูตอิรักประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอิรัก ณ กรุงแบกแดด อีกครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวอามาล มูซา ฮุซัยน์ อาลี อัรรุบัยอีย์ (Dr.Amal Mussa Hussain Ali Al-Rubaye) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสที่ นางสาวอามาล มูซา ฮุซัยน์ อาลี อัรรุบัยอีย์ เข้ารับตำแหน่ง และกล่าวว่า ไทย และอิรัก มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นระหว่างกันมาเป็นเวลานาน จึงมีความพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยน และเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุนรวมถึง ได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนการส่งออกสินค้าของไทยไปยังอิรัก เช่น ข้าว และอะไหล่รถยนต์
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิรักประจำประเทศไทย ได้กล่าวขอความสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอิรักและไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากในขณะนี้ สถานการณ์ความไม่สงบในอิรักได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว นอกจากนี้ สาธารณรัฐอิรักกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนการให้มีการเปิดสถานเอกอัครราชทูตอิรักประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอิรัก ณ กรุงแบกแดด อีกครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่