“สวนดุสิตโพล” เผยร้อยละ 53.19 ชี้นายกฯ รดน้ำสงกรานต์ “ป๋าเปรม” ตามประเพณี ร้อยละ 43.30 เชื่อมีนัยเร่งสร้างปรองดอง ร้อยละ 54.79 พึงพอใจรัฐแสดงความนอบน้อม ตั้งใจจริง ร้อยละ 48.65 ชูทำบรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น ร้อยละ 81.95 หวังทำหน้าที่ไม่มีประโยชน์อื่นแฝง
วันนี้ (29 เม.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,357 คน ถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเข้ารดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในวันสงกรานต์ เห็นว่า 53.19% เป็นการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม แสดงถึงความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รดน้ำขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล 27.23% น่าจะมีเหตุผลอื่นมากกว่าแค่การเข้าไปรดน้ำขอพรอาจจะมีการปรึกษาหารือในเรื่องสำคัญ หรือเรื่องภายในที่ไม่ต้องการเปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับรู้ 14.47% เป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น และ 5.11% เป็นเรื่องของการเมืองที่รัฐบาลต้องการสร้างภาพ
ขณะที่การเข้าพบครั้งนี้ประชาชนคิดว่ามีนัยสำคัญทางการเมืองหรือไม่ 43.30% เห็นว่ามีนัยสำคัญทางการเมือง เพราะการเข้าพบครั้งนี้รัฐบาลต้องการสื่อสารให้เห็นถึงความพร้อมที่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองอย่างแท้จริง พล.อ.เปรม เป็นบุคคลสำคัญและเป็นที่เคารพเกรงใจของหลายฝ่าย ฯลฯ 36.78% ไม่แน่ใจ เพราะไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ก็เป็นที่จับตามองของสังคมและถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ฯลฯ และ 19.92% ไม่มีนัยสำคัญทางการเมือง เพราะ เป็นเรื่องปกติ เป็นการแสดงความเคารพผู้ใหญ่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ไม่ควรนำมาโยงเข้ากับเรื่องการเมือง ฯลฯ
เมื่อถามว่า การเข้าพบครั้งนี้ทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจหรือไม่ 54.79% พึงพอใจ เพราะ เป็นการแสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รัฐบาลแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงและเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม ฯลฯ 38.70% เฉยๆ เพราะเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักมีบุคคลสำคัญจากหลายกลุ่มหลายฝ่ายเข้าไปรดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ฯลฯ และ 6.51% ไม่พึงพอใจ เพราะการเข้าพบครั้งนี้อาจมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง สร้างความไม่พึงพอใจให้แก่บุคคลบางกลุ่มหรือบางฝ่าย ฯลฯ
เมื่อถามต่อว่า หลังจากที่นายกฯ เข้าพบ พล.อ.เปรม จะทำให้บรรยากาศความปรองดองของบ้านเมืองดีขึ้นหรือไม่ 48.65% ทำให้บรรยากาศความปรองดองของบ้านเมืองดีขึ้น เพราะการมีท่าทีอ่อนน้อม ไม่ถือทิฐิของรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณที่ดีของการสร้างความปรองดองและแสดงให้เห็นถึง การเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ ฯลฯ 45.56% เหมือนเดิม เพราะความปรองดองจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองได้ต้องอาศัยความร่วมมือ ความสามัคคีกันจากประชาชนทุกฝ่าย การเข้าพบป๋าเปรมเป็นเพียงภาระกิจหนึ่งที่ไม่น่าจะมีผลมากนัก ฯลฯ และ 5.79% ทำให้บรรยากาศความปรองดองของบ้านเมืองแย่ลง เพราะอาจสร้างความไม่พึงพอใจให้แก่บุคคลบางกลุ่มหรือบางฝ่าย ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมือง ฯลฯ
ส่วนสิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์หลังจากที่เข้าพบ พล.อ.เปรม พบว่า 81.95% สิ่งที่รัฐบาลทำขอให้มาจากความตั้งใจจริง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง ขอให้นึกถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ 80.49% รัฐบาลจะต้องเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีของการสร้างความปรองดอง 77.56% การดูแลทุกข์สุขของประชาชน พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า/หากประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นปัญหาต่างๆในสังคมก็จะลดลงไปเอง 74.63% นอกจากเรื่องความปรองดองแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม เช่น น้ำท่วม ของแพง คอร์รัปชัน เป็นต้น และ 70.24% การควบคุม ดูแล ความประพฤติของนักการเมือง โดยเฉพาะในการประชุมสภา