นายกฯ ให้โอวาทยุวโฆษก รุ่นที่ 7 แนะเยาวชนเข้าใจอินเทอร์เน็ต เรียนรู้นอกห้องควบ ชูกิจกรรมนำนโยบายรัฐแพร่สู่สาธารณชน เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้คณะเยาวชนในโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 7 และเยาวชนที่เคยผ่านการอบรมโครงการยุวโฆษกจำนวน 50 คน เข้าเยี่ยมคาราวะ ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานของยุวโฆษก พร้อมสอบถามถึงกิจกรรมต่างๆ จากตัวแทนยุวโฆษก พร้อมให้โอวาท ว่า ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวในสังคม และการกล้าที่จะแสดงออกของเยาวชนนั้น จะเป็นส่วนที่จะทำให้ได้มีโอกาสฝึกฝนประสบการณ์ ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทและมีส่วนสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเราในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องของอินเทอร์เน็ต เด็กและเยาวชนจะต้องมีการเรียนรู้และเข้าใจ ถึงข้อหลีกเลี่ยง และการดูแลควบคุมให้เกิดความเหมาะกับเด็กและเยาวชน ดังนั้น รัฐบาลจึงเห็นว่า เด็กและเยาวชนควรจะมีการเรียนทั้งความรู้ที่อยู่ภายในห้องเรียน และความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์นอกห้องเรียน ควบคู่กันไปด้วย จะทำให้เด็กและเยาวชนได้เกิดความเข้าใจธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมต่างๆ สังคม และเรียนรู้ในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม และสังคม เพื่อจะได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เป็นอนาคต และเป็นกำลังของประเทศชาติต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ซึ่งการทำกิจกรรมของยุวโฆษกครั้งนี้ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเยาวชนในการที่จะมาทำความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำนโยบายต่างๆ ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับเรื่องที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ทั้งนโยบายที่เกี่ยวกับยาเสพติด โครงการ One Tablet PC Per Child การประหยัดพลังงาน และนโยบายการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อจะได้นำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อสารไป ขณะเดียวกัน การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการสอดแทรกขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ความสุภาพอ่อนโยน ความมีน้ำใจ และรอยยิ้มที่เป็นมิตรของคนไทย จะต้องมีวิธีการในการสื่อสารผ่านกิริยา ทั้งภาษากาย และคำพูดออกไปด้วย เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคง