นายกฯ ร่วมงาน “สุมาคารวะ สระเก้าดำหัว” เพื่อให้ประชาชนครึ่งพันรดน้ำดำหัวที่เชียงใหม่ ขอคนไทยอโหสิกรรมให้กันและกัน ลืมอดีตที่ไม่ดี เพื่อมีความหวังที่ดีในปีใหม่นี้
วันนี้ (13 เม.ย.) ที่ภัตตาคารเจี่ยต้งเฮง เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากที่ตนทำงานเหนื่อยทุกวันก็ต้องมีการล้าบ้าง สำหรับวันนี้ถือเป็นวันดี วันมหามงคล มีโอกาสได้กลับบ้านเกิดเจอกับครอบครัว ได้แวะพบกับประชาชนทำให้เกิดความรู้สึกมีกำลังใจและดีใจที่มีโอกาสได้เห็นบรรยากาศที่เป็นรอยยิ้มของประชาชนทุกคนอีกครั้ง ซึ่งถืออยู่บนรอยยิ้มของคนไทยทั้งประเทศ เป็นความสำคัญและเป็นกำลังใจที่ตนเองจะมีแรงในการทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนต่อไป
สำหรับปีใหม่ไทยในวันนี้ โดยในวันที่ 13 เม.ย.เป็นวันผู้สูงอายุ และวันที่ 14 เม.ย.เป็นวันครอบครัว ถือเป็นวันสำคัญที่เราควรระลึกถึงบุพการีและผู้มีบุญคุณซึ่งเราควรแสดงความกตัญญูกตเวทิตา และให้ความสำคัญต่อครอบครัวที่จะมาอยู่ร่วมกัน โดยในปีที่ผ่านมามีอะไรที่ไม่ดีขอให้ผ่านพ้นและเริ่มต้นปีใหม่ก็ขอให้เป็นปีที่ดีขึ้น มีแต่ความรักให้อภัย สมานสามัคคีกัน ซึ่งเชื่อว่าหากช่วยกันประคองเมืองไทยก็จะเป็นเมืองที่มีความสุข
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ตนขอพระราชทานพรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการประทานพรให้คนไทยทั้งประเทศและคนต่างชาติที่มาเที่ยวให้เมืองไทยเป็นเมืองที่มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น
เมื่อถามว่าในปีหน้าบรรยากาศจะดีกว่าปีนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คนเราต้องมีความหวังในสิ่งที่ดี จะทำให้เราคิดดี มองโลกในแง่ดี รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าคิดสิ่งดีเป็นที่ตั้งจะทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น ซึ่งพวกเราต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศและนำปีใหม่นี้ให้เป็นปีแห่งความสุข ส่วนจะนำไปสู่ความปรองดองอย่างไรนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากให้เห็นบรรยากาศนี้เป็นบรรยากาศที่ดีมีความหมาย มีความสุขกับคนไทยอย่างไร อยากฝากให้เอาบรรยากาศนี้เป็นตัวตั้งในการเริ่มปีใหม่ของไทยปีนี้
หลังจากนั้น เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังสำนักงาน ส.ส. น.ส.ชิณนิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อ.สันกำแพง ที่จัดงาน “สุมาคารวะ สระเก้าดำหัว” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรดน้ำดำหัวนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ประชาชนรดน้ำดำหัวด้วย พร้อมกล่าวกับประชาชนว่า ที่ผ่านมาอะไรที่ไม่ดีก็ขอให้ผ่านพ้นไป ไม่พอใจอะไรกันก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน โดยขอให้เมืองไทยเจริญก้าวหน้า ประชาชนก้าวหน้า มีเงินไหลมาเทมา ทั้งนี้งานดังกล่าวมีประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ 500 คน