“สิงห์ชัย” ร่อน จม.ชูผลวิจัยสถาบันพระปกเกล้า แนวทางปรองดอง แนะทีมงานอย่าแกว่งตามคำพูด โอ่น่าเชื่อถือสุดๆ แล้ว ยันนักการเมืองไม่เลว แต่มีแค่ไม่กี่คนไม่รู้จักแพ้
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.สิงห์บุรี ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนในเรื่องสถานการณ์ของประเทศไทยและการปรองดองของคนในชาติว่า เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าในช่วงเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในสภาพที่ประชาชนมีความขัดแย้งและแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งความแตกแยกนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและสังคมไทยโดยรวม ในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต โดยในวันนี้สังคมได้ตกผลึกในความคิดที่ว่า หากประเทศไทยจะพัฒนาและเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นเอกภาพและมีสันติสุข ความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งตนก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันที่อยากจะเห็นความปรองดองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเชื่อว่า การปรองดองที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการสานเสวนา สร้างความเข้าใจ ปรับความรู้สึก และเกิดการยอมรับในประเด็นต่างๆ ร่วมกันอย่างเป็นฉันทามติ โดยการใช้ผลการศึกษาวิจัยที่สถาบันพระปกเกล้าเป็นแนวทาง ไม่เช่นนั้นความปรองดองสมานฉันท์ก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นายสิงห์ชัยกล่าวต่อว่า ตนอยากจะฝากไปถึงกรรมการที่อยู่ในคณะวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าชุดนี้อย่าแกว่งไปตามคำพูดของคนอื่น ขอให้ยึดมั่นในแนวทางวิชาการ และตนขอให้กำลังใจ เพราะตนเชื่อถือในสถาบันนี้เพราะเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และคณาจารย์ที่อยู่ในสถาบันแห่งนี้ก็เป็นบุคคลสำคัญของประเทศด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะในขณะนี้ต่ายฝ่ายต่างก็ยังมีการตั้งธงกันอยู่ นายสิงห์ชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าปรองดองจะสามารถเกิดขึ้นได้ และเชื่อว่าสังคมก็เชื่อเหมือนกับตนเช่นกัน ซึ่งคนที่ตั้งธงอยู่ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คน ก็มีเพียงแค่จำนวน 500 คนในสภาฯเท่านั้น ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ยอมทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้ตามกระบวนการของมัน ทุกวันนี้หากไปพูดเรื่องนักการเมืองกับประชาชน ประชาชนก็จะมองว่านักการเมืองเป็นคนเลว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพียงแค่คนไม่กี่คนที่ไม่รู้จักแพ้หรือชนะ โดยลืมมองว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นบางอย่างมันไปกระทบต่อสังคมหมู่มาก
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.สิงห์บุรี ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนในเรื่องสถานการณ์ของประเทศไทยและการปรองดองของคนในชาติว่า เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าในช่วงเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในสภาพที่ประชาชนมีความขัดแย้งและแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งความแตกแยกนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและสังคมไทยโดยรวม ในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต โดยในวันนี้สังคมได้ตกผลึกในความคิดที่ว่า หากประเทศไทยจะพัฒนาและเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นเอกภาพและมีสันติสุข ความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งตนก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันที่อยากจะเห็นความปรองดองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเชื่อว่า การปรองดองที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการสานเสวนา สร้างความเข้าใจ ปรับความรู้สึก และเกิดการยอมรับในประเด็นต่างๆ ร่วมกันอย่างเป็นฉันทามติ โดยการใช้ผลการศึกษาวิจัยที่สถาบันพระปกเกล้าเป็นแนวทาง ไม่เช่นนั้นความปรองดองสมานฉันท์ก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นายสิงห์ชัยกล่าวต่อว่า ตนอยากจะฝากไปถึงกรรมการที่อยู่ในคณะวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าชุดนี้อย่าแกว่งไปตามคำพูดของคนอื่น ขอให้ยึดมั่นในแนวทางวิชาการ และตนขอให้กำลังใจ เพราะตนเชื่อถือในสถาบันนี้เพราะเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และคณาจารย์ที่อยู่ในสถาบันแห่งนี้ก็เป็นบุคคลสำคัญของประเทศด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะในขณะนี้ต่ายฝ่ายต่างก็ยังมีการตั้งธงกันอยู่ นายสิงห์ชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าปรองดองจะสามารถเกิดขึ้นได้ และเชื่อว่าสังคมก็เชื่อเหมือนกับตนเช่นกัน ซึ่งคนที่ตั้งธงอยู่ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คน ก็มีเพียงแค่จำนวน 500 คนในสภาฯเท่านั้น ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ยอมทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้ตามกระบวนการของมัน ทุกวันนี้หากไปพูดเรื่องนักการเมืองกับประชาชน ประชาชนก็จะมองว่านักการเมืองเป็นคนเลว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพียงแค่คนไม่กี่คนที่ไม่รู้จักแพ้หรือชนะ โดยลืมมองว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นบางอย่างมันไปกระทบต่อสังคมหมู่มาก
