กลุ่มผู้สูงอายุพัทลุงสวมเสื้อแดงกว่า 700 คน มอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกฯ พร้อมยื่นหนังสือเเรียกร้องตั้งศูนย์การแพทย์ ม.ทักษิณ ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” ยอมลงรถเดินเท้าทักทาย
ผู้สื่อข่าวบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 3 ที่ จ.ภูเก็ต ในวันนี้ (20 มี.ค.) ที่อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม โดยก่อนการเข้าร่วมประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้แวะทักทายประชาชนที่มาให้กำลังใจ โดนขบวนรถนายกรัฐมนตรีได้จอดอยู่บริเวณทางเข้าของมหาวิทยาลัย เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินเท้าพบปะพูดคุยทักทายกับประชาชนที่มามอบดอกไม้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจรในครั้งนี้
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังได้รับหนังสือจากนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง และกลุ่มผู้สูงอายุที่สวมเสื้อสีแดงจำนวน 700 คน 15 คันรถบัส ที่เดินทางจากทะเลน้อย จ.พัทลุง เพื่อขอส่งแผนการของบประมาณโครงการจัดตั้งศูนย์การศึกษาและบริการทางแพทย์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ตอนกลางโดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง สตูล ตรัง นครศรีธรรมราช และกระบี่ มีจำนวนประชากรที่รับบริการในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์จำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ภาคใต้ตอนบนยังขาดแคลนโรงพยาบาล ที่รองรับการดูแลสุขภาพจำนวนมาก จึงควรมีการสนับสนุนบุคลากรที่ทางด้านสุขภาพเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับกรอบความคิดหลักของมหาวิทยาลัยทักษิณ ที่จะพัฒนาให้วิทยาเขตพัทลุงให้เป็นวิทยาเขตทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สุขภาพ และศาสตร์ด้านภูมิปัญญาชุมชน โดยการเตรียมตั้งศูนย์การศึกษาและบริการทางการแพทย์ จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาแผนงบประมาณโครงการดังกล่าว
จากนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินถึงบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานอธิการบดี ตัวแทนกลุ่มสหสาขาวิชาชีพสุขภาพ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ นำโดย นายมนูญ หมวดเอียด ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2541-2544 สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยกเลิกอัตราข้าราชการ และเปลี่ยนเป็นการจ้างบุคคลในตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัย และลูกจ้างชั่วคราวแทน ซึ่งแตกต่างจากข้าราชการที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย และมีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่ง ทำให้เกิดผลกระทบต่อการความทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่และไม่มีสิ่งจูงใจให้เกิดความรักองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มสหสาขาวิชาชีพสุขภาพ คือ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด จึงเรียกร้องให้มีการบรรจุเป็นข้าราชการต่อไป