นายกฯ อ้อนอยากแหลงใต้ ได้แต่พูดบอกรักคนใต้ทุกคน ประกาศเดินหน้ากองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างความเท่าเทียม ลั่นผู้หญิงไม่ใช่คู่แข่งผู้ชาย แต่เป็นสิ่งเติมเต็มมีข้อดีทั้งด้านอ่อนโยนและละเอียดอ่อน
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่โรงแรมมุกดารา บีชิลล่า แอนด์สปา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่ห้องประชุมโรงแรมมุกดารา บีช วิลล่า แอนด์ สปา จังหวัดพังงา โดยมีนางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกลุ่มสตรี จ.อันดามัน ประกอบด้วย พังงา ภูเก็ต ระนอง ให้การต้อนรับ โดยนายกฯ ได้เยี่ยมชมผลการดำเนิินงานรับสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พังงา ซึ่งมีสมาชิกเข้ารับการสมัครแล้วจนถึงเวลานี้ 30,688 คน และเยี่ยมชมโอทอปดีเด่นของจังหวัดพังงา เช่น การทำผ้าบาติกกลุ่มขนิม บาติก การผลิตดอกไม้จากยางพารา และผลิตภัณฑ์จากการทอผ้าซอโอริ เป็นต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเป็นภาษาภาคใต้ว่า “อยากจะแหลงใต้ แต่แหลงใต้ไม่เป็น แต่รักพี่น้องคนใต้ทุกคน”
นายกฯ กล่าวต่อว่า ใครบอกว่าผู้หญิงไม่มีพลัง เป็นเพศที่อ่อนแอ ตรงกันข้าม ผู้หญิงมีความอดทนขยันทำงาน เพีงแต่ผู้หญิงไม่ได้มีร่างการที่แข็งแรงเท่ากับผู้ชายเท่านั้นเอง วันนี้มองว่าพลังของสตรียิ่งใหญ่ และรวมสตรีแล้วมีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร และเชื่อว่าผู้หญิงต้องการสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเท่าเทียมกัน ผู้หญิงมีความกล้า แต่ไม่ใช่เป็นคู่แข่งผู้ชาย แต่เป็นส่วนเติมเต็ม ผู้ชายมีความแข็งแรง มีวิสัยทัศน์ขณะที่ผู้หญิงมีความอ่อนโยนและละเอียดอ่อน สามารถหาเงินจุนเจือให้ครอบครัวมีรายได้ดีขึ้น และกลุ่มสตรีรวมกันจะทำให้กลุ่มสตรีมีความเข้มแข็งในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ซึ่งการตั้งกองทุนพัฒนาสตรีภายใต่สำนักนายกรัฐมนตรีจะทำการบูรณาการกองทุน จากทั้ง 4 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการรวบรวมและเสริมศักยภาพในการพัฒนาร่วมกัน และได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งปัญหาสตรีมีทั้งหมด 3 ส่วน การถูกกดขี่ข่มแหง ใช้ความรุนแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันให้กลับมามีสิทธิเสรีภาพ ยืนใสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยดูในเรื่องข้อกฎหมายในการปกป้อง กลุ่มสตรีจะต้องได้รับการเรียนรู้ร่วมกัน การพัฒนาหารายได้เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเรื่องของกำลังความสามารถ เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ เพียงแต่ขอให้มีบทบาทในสังคม บทบาทความเป็นผู้นำ หรือแม้แต่บทบาททางการเมืองอย่างตนที่ได้รับมา การเป็นผู้หญิงจากต่างจังหวัดและได้โอกาสมารับใช้ประชาชน เป็นเรื่องที่ตนไม่ลืม ประเทศไทยเราโชคดีที่มีคนที่มีความรู้ความสมารถจำนวนมาก ต่อไปสามารถสร้างชื่อเสียงพัฒนาประเทศได้ และเชื่อว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาสตรีในทุกมิติ และเงินกองทุนเหล่านี้จะมีการหมุนเวียนไปเพื่อพัฒนาศักยภาพสตรีไทยทุกคน