“ส.ว.หมอเจตน์” ติงค่ายมือถือเปิดขายซิมเติมเงินเสรีไร้การลงทะเบียน ชี้เป็นชาติเดียวในโลกที่ไม่ต้องจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการ ส่อถูกใช้ส่งยา อาชญากรรมชายแดนใต้ และอื่นๆ ได้ แถมรัฐสูญรายได้จากการตรวจสอบยอดขาย ฝาก กสทช.เร่งจัดการ
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญนิติบัญญัติ ครั้งที่ 17 โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา หารือว่า ปัจจุบันมีการขายบัตรโทรศัพท์มือถือชนิดเติมเงิน อย่างเสรี โดยไม่มีการลงทะเบียน ทั้งๆ ที่มีประกาศของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่องหลักเกณฑ์การจัดสรร และบริหารเลขหมายโทรคมนาคม พ.ศ. 2551 ข้อ 38 กำหนดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ แต่ขณะนี้ผู้ให้บริการยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ระหว่างฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศ
นพ.เจตน์กล่าวว่า ซึ่งจากสถิติรายปี 2553 พบว่ามีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงินถึง 63.4 ล้านเลขหมาย จากจำนวน 70 ล้านเลขหมาย ทำให้ประเทศไทยมีการขายบัตรเติมเงินอย่างเสรี และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีผู้นำบัตรเติมเงินที่ไม่มีการจัดเก็บข้อมูล และรายละเอียดของผู้ใช้บริการไปใช้ประโยชน์ในการค้ายาเสพติด การก่ออาชญากรรมใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาต่อประเทศชาติ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญค่อนข้างมาก และรัฐจะต้องสูญเสียประโยชน์ในด้านรายได้ เพราะไม่สามารถตรวจสอบยอดขายที่แท้จริง เนื่องจากต้องนำผลประโยชน์เข้ารัฐ ร้อยละ 2 ของยอดขาย รัฐควรบังคับใช้กฎหมายให้มีผลลงโทษ ตนขอฝากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดใหม่ให้เร่งดำเนินการด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญนิติบัญญัติ ครั้งที่ 17 โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา หารือว่า ปัจจุบันมีการขายบัตรโทรศัพท์มือถือชนิดเติมเงิน อย่างเสรี โดยไม่มีการลงทะเบียน ทั้งๆ ที่มีประกาศของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่องหลักเกณฑ์การจัดสรร และบริหารเลขหมายโทรคมนาคม พ.ศ. 2551 ข้อ 38 กำหนดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ แต่ขณะนี้ผู้ให้บริการยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ระหว่างฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศ
นพ.เจตน์กล่าวว่า ซึ่งจากสถิติรายปี 2553 พบว่ามีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงินถึง 63.4 ล้านเลขหมาย จากจำนวน 70 ล้านเลขหมาย ทำให้ประเทศไทยมีการขายบัตรเติมเงินอย่างเสรี และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีผู้นำบัตรเติมเงินที่ไม่มีการจัดเก็บข้อมูล และรายละเอียดของผู้ใช้บริการไปใช้ประโยชน์ในการค้ายาเสพติด การก่ออาชญากรรมใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาต่อประเทศชาติ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญค่อนข้างมาก และรัฐจะต้องสูญเสียประโยชน์ในด้านรายได้ เพราะไม่สามารถตรวจสอบยอดขายที่แท้จริง เนื่องจากต้องนำผลประโยชน์เข้ารัฐ ร้อยละ 2 ของยอดขาย รัฐควรบังคับใช้กฎหมายให้มีผลลงโทษ ตนขอฝากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดใหม่ให้เร่งดำเนินการด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ