ทีมพิธีกรสายล่อฟ้าโต้โฆษกเพื่อไทย ความรู้ด้าน กม.แค่หางอึ่ง ยันผู้ถูกกล่าวอ้างมีสิทธิปฏิเสธให้การในชั้นสอบสวน แต่ขอไปต่อสู้ในชั้นศาล ย้ำไม่ขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เย้ยพฤติกรรมต่างจากนายใหญ่ที่หนีหางจุกตูด ไม่ยอมรับคำตัดสินกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (5 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในพิธีกรรายการสายล่อฟ้า กล่าวว่า จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) เวลา 13.30 น.พร้อมกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พิธีกรร่วมในรายการสายล่อฟ้า น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้ แม้ตนและนายศิริโชคจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการเป็น ส.ส. แต่การไปพบพนักงานสอบสวนเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปเพื่อให้กำลังใจนายชวนนท์ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. อย่างไรก็ตาม พวกตนยืนยันจะใช้สิทธิไม่ขอให้การต่อพนักงานสอบสวน เพราะตั้งใจจะให้การในชั้นศาลเลย
นายเทพไทยังตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่พาดพิงพิธีกรสายล่อฟ้ากรณีแสดงพฤติกรรมไม่ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเข้าข่ายเป็นพวกไม่เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องการเตะถ่วงคดี อีกทั้งเป็นพวกมีลักษณะปากกล้าขาสั่นว่า นายพร้อมพงศ์มีความรู้เรื่องกฎหมายในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่เคยรู้เรื่องประมวลกฎหมายอาญาและวิธีพิจารณาความคดีอาญาเลย ดังนั้น เมื่อนายพร้อมพงศ์ไม่รู้ก็ไม่ควรจะพูดอย่างเดียว ตนยืนยันว่าการไม่ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ พวกตนเคารพและยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดี อันเป็นการแสดงถึงการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
นายเทพไทกล่าวอีกว่า หากจะบอกถึงการเป็นพวกปากกล้าขาสั่น ก็คงเป็นพฤติกรรมของนายพร้อมพงศ์เองมากกว่า เพราะในอดีตนายพร้อมพงศ์ต่างหากที่เคยขอร้องให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ พรรคเพื่อไทยขอเคลียร์คดีกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังนายพร้อมพงศ์ถูกนายวสันต์ฟ้องหมิ่นประมาทจากกรณีกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญเข้าพบกับทีมงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงการตัดสินคดียุบพรรค
ด้าน นายชวนนท์กล่าวว่า ยืนยันที่จะไปให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ตามเวลา และขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฟ้องให้ถึงที่สุด เพื่อให้เรื่องไปถึงในชั้นศาล อันจะนำไปพิสูจน์ความจริงว่าเรื่องทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ไมได้มีพฤติกรรมปากกล้าขาสั่นเหมือนกับนายพร้อมพงศ์ซึ่งดีแต่พูด แต่พอถึงเวลากลับมีพฤติกรรมหางจุกตูดไปขอเคลียร์เพื่อหลบหนีความผิด
