รองนายกฯ อ้างฟ้อง 7 นสพ.แค่ลากมาเป็นพยานว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์พูดจริง ไม่ได้ตั้งใจให้ผิด บอกต้องทำเพราะลงข่าวซ้ำ ยันใช้สิทธิตามกฎหมายไม่ได้คุกคาม โอ่สื่อไทยสุดอิสรภาพ ก่อนโชว์ใบรับรองแพทย์ยันก้านหูอักเสบ รับศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองควรมีระบบตรวจสอบด้วย ป้อง “นช.แม้ว” หนีคุกเพราะ คตส.เป็นอริ อุบ พ.ร.บ.ปรองดองล้างผิดหรือไม่ จี้ “สมศักดิ์เจียม” หุบปาก ยันไม่แก้ ม.112
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมร้องทุกข์กล่าวโทษหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ โดยอ้างกระทำการหมิ่นประมาทตีพิมพ์ข่าวที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาดื่มสุราจนมีอาการเมามายเข้าประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา หมิ่นเหม่ต่อการคุกคามสื่อฯ ว่า ที่ตนตั้งใจฟ้องหนังสือพิมพ์ทั้ง 7 ฉบับนี้ เป็นการฟ้องเพื่อนำมาเป็นพยาน เพราะถ้าไม่ฟ้อง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน ไม่ว่าจะเป็น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี นายเทพไท เสนพงศ์ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 คนก็จะอ้างว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อทำการฟ้องสื่อฯ สื่อฯ ก็ต้องให้การต่อตำรวจว่าข่าวทั้งหมดได้ฟังคำให้สัมภาษณ์มาและจึงนำมาลง ทั้งนี้ตนไม่ได้ตั้งใจว่าให้สื่อมาเป็นผู้กระทำผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้ตั้งใจที่จะฟ้องตั้งแต่แรก จะถอนฟ้องหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทำไม ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า 6 ฉบับที่เหลือลงข่าวซ้ำบ่อย การคุกคามสื่อต้องใช้อำนาจนอกระบบ แต่ตนใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่ถือเป็นการคุกคามสื่อแต่อย่างใด ส่วนจะมองว่าเป็นการปิดปากสื่อหรือไม่นั้น ตนคิดว่าสื่อเมืองไทย ใครจะปิดปากได้ สื่อเมืองไทยเป็นสื่อที่มีอิสระมากที่สุดในโลกแล้ว ไม่มีใครปิดปากได้ ดูอย่างการพาดหัวของไทยโพสต์ แนวหน้า ตนดูแต่ละฉบับตนรู้ ซึ่งเป็นสิทธิของตนตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการคุกคาม การคุกคามต้องให้นักเลงไปทำร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้นำใบรับรองแพทย์ย้อนหลังมายืนยันต่อสื่อมวลชน ว่า แพทย์ได้วินิจฉัยว่าตนเองมีอาการก้านหูอักเสบ และได้เข้ารักษาตัวเมื่อปี 2552
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ต่างคนก็ต่างพูดไป ซึ่งการร่างสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยังไม่เกิดขึ้นเลย อย่างน้อยก็ขอให้การร่าง ส.ส.ร.เกิดขึ้นก่อน ตนยืนยันมาโดยตลอดว่าการมี ส.ส.ร.ต้องมี 99 คน และให้สิทธิ ส.ส.ร.ในการยกร่างไม่ใช่เป็นการพูดล่วงหน้า ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงความคิดเห็นล่วงหน้าเป็นการปักธงให้ ส.ส.ร.เห็นตามหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนเคยเป็นอดีตรัฐมนตรียุติธรรมเชื่อในระบบศาลยุติธรรม เพราะมีระบบตรวจสอบ เมื่อถามว่า การคิดว่ามีศาลเดียวดีกว่าศาลคู่ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองเดินหน้าไปมากแล้ว การมีศาลคู่ ถือเป็นศาลที่แตกแขนงออกไป น่าจะมีระบบตรวจสอบ แต่ก็ไม่ทราบว่าระบบตรวจสอบจะเป็นอย่างไร สมมติว่าศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองก็น่าจะมีระบบตรวจสอบ หากจะกลับไปใช้ศาลเดี่ยว เมื่อถามว่า แสดงว่าศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ควรอยู่แต่ต้องมีระบบตรวจสอบใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าไม่สามารถพูดชี้นำ ส.ส.ร.ได้ แต่ถ้าจะมีศาลก็ควรมีระบบตรวจสอบในกระบวนการ
เมื่อถามว่า ศาลปกครองแสดงความกังวลว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงโดยฝ่ายการเมือง ระบบจะเสียหาย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่ หากสมมติว่าการร่าง ส.ส.ร. ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปอยู่ที่ศาลยุติธรรม ใครจะไปแทรกแซงได้ เพราะมีการเลือกองค์คณะในการพิจารณาขึ้นใหม่ทุกครั้ง เมื่อถามว่า ยอมรับในระบบของศาล แต่ทำไมไม่ยอมรับคำตัดสินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดา ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพราะว่า คตส. มาจากการแต่งตั้งของคณะปฎิวัติ ศาลจึงเป็นปลายทาง อีกทั้ง คตส.ก็เป็นอริกับพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเอาคนที่เป็นอริมาสอบสวนย่อมทำให้เกิดความเคลือบแคลนใจ เมื่อศาลตัดสินคดี ศาลก็ไม่มีทางเลือกอื่น จะต้องดูหลักฐานจากทาง คตส.
เมื่อถามว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นระบบการไต่สวน สามารถเรียกสอบพยาน หลักฐานได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีใครไม่เคารพศาล แต่เราไม่เคารพ คตส. ส่วนจะมีอะไรที่จะลบล้างคำตัดสินของศาลได้นั้น ตนคิดว่าคดีได้ตัดสินไปแล้วก็จบ ไม่มีอะไร และไม่ขอตอบว่า พรบ.ปรองดองจะสามารถลบล้างคำตัดสินของศาลได้หรือไม่
เมื่อถามว่า คิดว่าขณะนี้สังคมเกิดความขัดแย้งทั้งปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรบ.ปรองดอง และประมวลกฎหมายมาตรา112 มองว่าอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ประมวลมาตรา 112 ไม่มีใครแก้ มีแต่บ่าวช่างยุพวกใส่ร้าย เมื่อถามย้ำว่าแต่การชุมนุมใหญ่ที่โบนันซ่า มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อแก้ไขมาตรา 112 ร.ต.อ เฉลิมกล่าวว่า เรามีสมาชิกเยอะไปห้ามเขาไม่ได้ แต่จุดยืนของพรรคและของรัฐบาลไม่มี เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาอ้างคำพูด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะแก้ไขมาตรา 112 ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยืนยัน 100% รัฐบาลไม่แก้มาตรา 112 แน่นอน และที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ขอให้หยุด
ส่วนกรณีที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ถูกทำร้ายร่างกายมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ทราบตัวคนร้ายแล้วเป็นฝาแฝดสองคน อยู่จังหวัดปทุมธานี คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 หรือไม่ เมื่อถามว่า หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ากลางปีนี้การเมืองจะรุนแรงมากขึ้น คิดว่าอย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีความรุนแรงอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลนี้ได้รับการเลือกตั้งจากระบอบประชาธิปไตย