พรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแสดงความขอบคุณศาล รธน.หลังมีคำวินิจฉัยการตราพระราชกำหนดด้านการเงิน 2 ฉบับ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ย้ำ เจตนารมณ์การเร่งออกเป็นพ.ร.ก.เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นต้องเยียวยาจากภาวะน้ำท่วม
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย ได้จัดแถลงข่าวหลังทราบผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การตราพระราชกำหนดด้านการเงิน 2 ฉบับ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยพรรคเพื่อไทย ขอแสดงความขอบคุณการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาลในการตราพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับ
พรรคเพื่อไทย ขอเรียนยืนยันอีกครั้ง ว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ในการพระราชกำหนดดังกล่าวนั้น เป็นเพราะรัฐบาล เห็นว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการนำนโยบายทางการคลังและนโยบายการเงินมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาและเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม รวมทั้งเพื่อวางระบบป้องกันน้ำท่วมก่อนที่จะถึงฤดูฝนในคราวต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องการบริหารจัดการหนี้ เพื่อรองรับการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลสำหรับการลงทุนเพื่อใช้ในการบูรณะและฟื้นฟูประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนคนไทย และนักลงทุนชาวต่างประเทศ เพื่อป้องกันมิให้มีการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย
ทั้งยังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ว่า รัฐบาลมีงบประมาณภาครัฐอย่างเพียงพอ และสามารถทำการลงทุนที่จำเป็นสำหรับอนาคตได้โดยไม่สูญเสียความยั่งยืนทางการคลัง
กล่าวโดยสรุป คือ รัฐบาลจะมีศักยภาพทางการเงิน การคลัง เพียงพอ ในการดำเนินมาตรการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่างๆ ตามที่ประกาศไว้ได้ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน และเป็นระบบ ขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย มิได้มีเจตนาที่จะกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหาร ว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น เป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อมิให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากต่อการแก้ไขเยียวยาในระยะต่อไป
หลังจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะเร่งเดินหน้าทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในเรื่องการป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ด้วยการผลักดันและดำเนินโครงการต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางแผนไว้ เพื่อจัดการและแก้ปัญหาน้ำ
ทั้งยังขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ในการป้องกันบรรเทาความทุกข์ยากที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในวันข้างหน้า หากเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วม เพื่อมิให้ประชาชนคนไทยต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอย่างเช่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย ได้จัดแถลงข่าวหลังทราบผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การตราพระราชกำหนดด้านการเงิน 2 ฉบับ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยพรรคเพื่อไทย ขอแสดงความขอบคุณการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาลในการตราพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับ
พรรคเพื่อไทย ขอเรียนยืนยันอีกครั้ง ว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ในการพระราชกำหนดดังกล่าวนั้น เป็นเพราะรัฐบาล เห็นว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการนำนโยบายทางการคลังและนโยบายการเงินมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาและเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม รวมทั้งเพื่อวางระบบป้องกันน้ำท่วมก่อนที่จะถึงฤดูฝนในคราวต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องการบริหารจัดการหนี้ เพื่อรองรับการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลสำหรับการลงทุนเพื่อใช้ในการบูรณะและฟื้นฟูประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนคนไทย และนักลงทุนชาวต่างประเทศ เพื่อป้องกันมิให้มีการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย
ทั้งยังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ว่า รัฐบาลมีงบประมาณภาครัฐอย่างเพียงพอ และสามารถทำการลงทุนที่จำเป็นสำหรับอนาคตได้โดยไม่สูญเสียความยั่งยืนทางการคลัง
กล่าวโดยสรุป คือ รัฐบาลจะมีศักยภาพทางการเงิน การคลัง เพียงพอ ในการดำเนินมาตรการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่างๆ ตามที่ประกาศไว้ได้ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน และเป็นระบบ ขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย มิได้มีเจตนาที่จะกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหาร ว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น เป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อมิให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากต่อการแก้ไขเยียวยาในระยะต่อไป
หลังจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะเร่งเดินหน้าทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในเรื่องการป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ด้วยการผลักดันและดำเนินโครงการต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางแผนไว้ เพื่อจัดการและแก้ปัญหาน้ำ
ทั้งยังขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ในการป้องกันบรรเทาความทุกข์ยากที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในวันข้างหน้า หากเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วม เพื่อมิให้ประชาชนคนไทยต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอย่างเช่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม
