มติวิปค้านไม่ร่วมถกวิปรัฐแก้ รธน. - ขู่ยื่นผู้ตรวจฯ สอบ “ค้อนปลอม” สุดเอียง

ประธานวิปฝ่ายค้าน เผยที่ประชุมวิปยันกระทู้ ว.5 ยังอยู่ในสภา ห่วง “สมศักดิ์” สุดเอียง วินิจฉัยตามอำเภอใจ เอาสภาเป็นเมืองขึ้นฝ่ายบริหาร ขู่ยื่นผู้ตรวจการฯ สอบจริยธรรมแน่ สับดัน พ.ร.ก.กู้เข้าสภาวันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยันรัฐต้องรับผิดชอบหากขัดกฎหมาย - เมินร่วมถกวิปรัฐแก้รัฐธรรมนูญหลังถูกหักไม่ยอมให้อภิปราย พ.ร.ก.กู้ต่อ ห่วงเร่งรัดแก้ ม.291 ปิดปากสมาชิก


วันนี้ (21 ก.พ.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.45น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการตั้งกระทู้ถามสดของ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ที่ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องว.5 โฟร์ซีซั่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วิปฝ่ายค้านได้มีการพิจารณามีความเห็นยืนยันว่า กระทู้ถามสดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังไม่ตกไป ซึ่งกรณีที่กระทู้ถามจะตกไปก็ต่อเมื่อเข้าข้อบังคับข้อ 151 ซึ่งมีอยู่ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1. ผู้ที่ถามกระทู้ไม่อยู่ในที่ประชุมหรือว่าไม่ถาม 2. ส.ส.ที่ตั้งกระทู้ถามสิ้นสมาชิกภาพ 3. คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ 4. อายุรัฐสภาสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภา ต้องมีทั้ง 4 กรณีเท่านั้นจึงจะตกไปได้ แต่สำหรับกระทู้ถามของ น.ส.รังสิมา ไม่เข้าข่ายทั้ง 4 กรณี และต่อมาก็เกิดประเด็นปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาฯจนกระทั่งมีการปิดการประชุมไปก่อน เพราะฉะนั้นถือว่ากระทู้ถามสดของนางสาวรังสิมายังค้างอยู่ในสภา ซึ่งในการประชุมวันที่ 1 มี.ค.จะมีการนำกระทู้ถามสดของ น.ส.รังสิมา พิจารณาเป็นวาระแรก

นายจุรินทร์กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านเป็นห่วงอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะที่ผ่านมาการประชุมเกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้งในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นกลาง รวมถึงการวินิจฉัยที่ไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ แต่เป็นการวินิจฉัยตามอำเภอใจ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภานั้นไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยรักษาประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในการที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่ปฏิบัติหน้าที่เสมือนเอาสภาไปเป็นเมืองขึ้นของฝ่ายบริหาร จึงทำให้ฝ่ายตรวจสอบไม่สามารถทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนได้ โดยมีประธานสภาเป็นตัวปัญหาและอุปสรรค ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยได้มีความเห็นว่าถ้าประธานสภายังไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางและตามข้อบังคับอาจมีการพิจารณายื่นการปฏิบัติหน้าที่ไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หากประธานสภาฯ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางซ้ำซาก

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การบรรจุระเบียบวาระการประชุมสภาในวันพุธนี้ (22 ก.พ.) ทางวิปฝ้ายค้านมีข้อสังเกตในเรื่องของการบรรจุระเบียบวาระในเรื่องของการรับทราบการกู้เงินตาม พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ประจำปีงบประมาณ 2554 หรือ พ.ร.ก.กู้เงินตามโครงการไทยเข้มแข็ง ทางวิปฝ่ายค้านมีข้อสังเกตว่า ทำไมจึงเพิ่งมาบรรจุในวันพุธนี้ (22 ก.พ.) ซึ่งตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีวินิจฉัยความชอบหรือไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญของพระราชกำหนดกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล และพระราชกำหนดโอนหนี้กระทรวงการคลังไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งที่รายงานการกู้เงินมาถึงรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2554 แต่เพิ่งมาบรรจุในสัปดาห์นี้ แต่ขณะที่มีรายงานฉบับมาหลังรายงานดังกล่าวกลับได้รับการบรรจุ

“พรุ่งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยหากมีการวินิจฉัยว่าการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ 2 ส่วน คือ ต้องรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญและทางการเมือง ถ้ารัฐบาลไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อไปถ้าใครเป็นฝ่ายบริหารก็จะใช้เส้นทางลัดในการบัญญัติกฏหมายโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนและกระบวนการปกติเพื่อให้รัฐสภาสามารถตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และต่อไปก็จะทำออกเป็นพระราชกำหนดทั้งหมดโดยฝ่ายบริหารเป็นผู้ออกเพียงฝ่ายเดียวโดยอาศัยรัฐสภามาเป็นตรายางรองรับกฏหมายของฝ่ายบริหารเท่านั้น” นายจุรินทร์กล่าว

ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งในวันนี้ (21 ก.พ.) วิปรัฐบาลได้มีการประสานหารือเรื่องเวลาในการอภิปรายเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.พ.นี้ ซึ่งที่ประชุมวิปฝ่ายค้านได้มีความเห็นรวมกันว่าจะไม่ไปร่วมประชุม ทั้งนี้เพราะว่าที่ผ่านมาได้มีการเจรจาตกลงเช่นกรณีที่มีการพิจารณาพระราชกำหนด 2 ฉบับในสภา รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ยกมือขอปิดอภิปรายโดยอาศัยเสียงข้างมากทั้งที่ฝ่ายค้านยังมีผู้รออภิปรายจึงทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายได้อย่างครบถ้วนจนกว่าจะมีหลักประกันจากรัฐบาลว่าเมื่อมีการเจรจาแล้วจะปฏิบัติตามข้อตกลง

นายจุรินทร์กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านไม่สบายใจกรณีที่ประธานสภาฯ และวิปรัฐบาลให้ความเห็นว่าการอภิปรายการแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้อภิปรายได้เพียงหนึ่งวัน ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดปากการทำหน้าที่ของสภาซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงหนึ่งมาตรา คือมาตรา 291 ก็จริง แต่ส่งผลถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะฉะนั้น การจะกล่างอ้างแค่เพียงว่าแก้ฉบับเดียวจะพูดอะไรกันมากมายจะมาแสดงความเห็นกันมากมาย ตนคิดว่าไม่สมเหตุสมผลซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามที่วิปฝ่ายค้านวิเคราะห์ไว้ว่าจะมีความพยายามเร่งรีบรวดรัดทุกขั้นตอน ซึ่งวิปฝ่ายค้านมีความเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายค้านและวุฒิสภาได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเป็นไปตามความเป็นจริง