ปชป.ไม่ปล่อย “ปู” ว 5 โฟร์ซีซั่นส์ เตรียมยื่น กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สอบสัมพันธ์ “ยิ่งลักษณ์-เศรษฐา” พร้อมบัญชีทรัพย์สินมีเอี่ยวผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ขณะเดียวกันจะใช้กฎหมายคำสั่งเรียกให้นักธุรกิจ 6-7 คนที่คุยกันในวันเกิดเหตุมาชี้แจง
วันนี้ (18 ก.พ.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่าได้เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ว่า ในที่สุดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับ ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งของข้อสงสัยใหม่ อยากเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาชี้แจงว่าเอาเวลาราชการไปทำอะไร เพราะเมื่อนายเศรษฐาออกมายอมรับว่าไปพบจริง ซึ่งใช้เวลาพบกันถึง 2 ชั่วโมงนั้น อยากให้ชี้แจงว่าไปคุยเรื่องลับทางธุรกิจหรืออสังหาริมทรัพย์อะไร เพราะเป็นการใช้เวลาราชการไปคุยที่อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรืออาจจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งอยากทราบว่านายเศรษฐาในนามตัวแทนสมาคมอสังหาริมทรัพย์ หรือไปในนามส่วนตัว
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินของนายเศรษฐา รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการแสนสิริว่าบัญชีทรัพย์สินผิดปกติหรือไม่ และเชื่อมโยงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ เพื่อที่จะยื่นต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบทรัพย์สิน หนี้สินของผู้บริหารแสนสิริย้อนหลังไป 7 เดือน รวมทั้งตรวจสอบว่าเคยพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแล้วกี่ครั้ง และมีการหารือถึงเรื่องอสังหาริมทรัพย์ไปกี่รอบ รวมทั้งความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บางชุดที่มีหน้าที่ติดตามข้อมูลข่าวสารตรวจสอบย้อนหลังบัญชีของนายเศรษฐา และโครงการหมู่บ้านและคนใกล้ชิดของเครือข่ายแสนสิริ เพื่อดูว่าบัญชีย้อนหลังผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้ เราก็จะรอผลการสอบสวนพฤติกรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีผู้ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และจะดูว่าเชื่อมโยงกับนายเศรษฐาและผู้บริหารคนอื่นๆ หรือไม่ เพื่อจะได้รู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดจากรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีบัญชีทรัพย์สินใดที่ยังแจ้งต่อ ป.ป.ช.ไม่ครบ เนื่องจากโดยปกติการแจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ได้แจ้งเฉพาะคู่สมรสเท่านั้น แต่คนใกล้ชิดที่สังคมเห็นว่าเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินของบุคคลนั้นด้วย
ส่วนที่นายเศรษฐาระบุว่าไปพบกับ น.ส.ยิ่งลักษ์ พร้อมกับนักธุรกิจอีก 6-7 คนนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่อาจเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ หากยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการฯ แล้วและทราบว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นใคร ก็จะเชิญทั้งหมดมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ และหากไม่ให้ความร่วมมือก็จะใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกให้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ และถ้านายกฯ บริสุทธิ์ใจจริงก็ควรจะมาชี้แจงกับกรรมาธิการฯ ไม่ใช่เอาความเป็นผู้หญิงมาปกป้องตัวเอง แล้วโยนบาปให้คนอื่น เพราะคนที่ออกมาพูดเรื่องหมิ่นเหม่ก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น
น.ส.มัลลิกายืนยันว่าทางพรรคในฐานะฝ่ายค้านไม่ได้กลั่นแกล้งแต่เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะที่ตรวจสอบได้ว่าจะมีกรณีของผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อให้กับคนบางกลุ่มหรือไม่ หรือใช้เวลาราชการไปเจรจาธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบหรือหน่วยงานราชการโดยตรงก็ต้องชี้แจงให้ได้ อย่างไรก็ตาม เราค่อนข้างมั่นใจว่าพฤติกรรมอย่างนี้สุ่มเสี่ยงต่อการผิดจริยธรรม เพราะถือว่าการกระทำได้เกิดขึ้นแล้ว
ด้าน นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ กล่าวว่า เมื่อยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามาในคณะกรรมาธิการฯ ก็ต้องหารือในที่ประชุมว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมหรือไม่ นอกจากนี้ ก็ต้องรอข้อสรุปของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งว่าจะยื่นให้กรรมาธิการฯชุดใด เพื่อความเหมาะสม ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้เข้าข่ายที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจจะพิจารณาได้ เพราะเป็นเรื่องการสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ก็อาจจะบรรจุในระเบียบวาระได้ ทั้งนี้จะเชิญทุกฝ่ายที่ถูกพาดพิงเข้ามาชี้แจงรวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย โดยจะมีคนกลาง และฝ่ายกฎหมายเข้าร่วม ซึ่งการมาชี้แจงถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกให้มาชี้แจง