หัวหน้าประชาธิปัตย์ จี้รัฐอย่าปั้นโครงการรายวัน หวังนายกฯ ลงพื้นที่แจงชาวบ้านอย่างละเอียด สร้างความเชื่อมั่น ซัดรัฐไร้คำตอบรูปธรรมป้องกันปัญหาปีนี้ ทวงคำถาม 10 ข้อ แนะกางพื้นที่ทำฟลัดเวย์ หวั่นทัวร์สร้างสุขสูญเปล่า จี้แจงพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบลับๆ มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนในรัฐบาลออกมาเสนอโครงการขนาดใหญ่ทั้งการสร้างเขื่อนกั้นทะเลและการผันน้ำจากแม่น้ำสาละวิน ว่า พรรคต้องการให้โจทย์ที่ชัดเจนให้รัฐบาลถึงสิ่งที่จำเป็นต่อประชาชน ตนไม่อยากเห็นการพูดถึงโครงการรายวัน แต่ไม่มีความชัดเจนว่าในภาพรวมการจัดลำดับความสำคัญ หรือความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการอยู่ตรงไหน ฉะนั้นในโอกาสที่จะเดินทางไปในช่วงสัปดาห์นี้ นายกฯน่าจะรวมประเด็นที่เป็นคำตอบทั้งหมดชี้แจงต่อประชาชนอย่างละเอียดในเชิงพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นใจ จะเห็นว่าเมื่อสอบถามคนที่เกี่ยวข้องทั้งคนในพื้นที่ หรือนักธุรกิจหรือชาวต่างประเทศ ส่วนใหญ่ยังขาดความมั่นใจ เพราะสับสนกับข้อมูลต่างๆ ที่ออกมา
“รัฐบาลมุ่งสนใจที่จะหาเงินจำนวนมากมาทำโครงการขนาดใหญ่ ทั้งที่สิ่งที่ประชาชนรอคอยคือ รูปธรรมในการป้องกันปัญหาน้ำในปีนี้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีคำตอบให้ เพราะสิ่งที่พูดถึงโครงการขนาดใหญ่ไม่สามารถแก้ปัญหาปีนี้ได้ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่จำเป็น ก็ควรทำอย่างเป็นระยะ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า น้ำจะมากแค่ไหน แต่การจัดการน้ำของรัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงจากปีที่แล้ว นี่คือความคาดหวังของประชาชนและเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังเรียกร้องให้นายกฯตอบคำถาม 10 ข้อ หลังสิ้นสุดการลงพื้นที่และระหว่างการเดินทางต้องคุยกับประชาชนเกี่ยวกับโครงการในพื้นที่ว่าเป็นที่ยอมรับหรือไม่ มีทางเลือกอื่นหรือไม่ จะมีผลกระทบ และมีการชดเชยเยียวยาอย่างไร ซึ่งหากมีคำตอบชัดเจนก็จะสร้างความเชื่อมั่นได้ ส่วนจะมีคำตอบหรือไม่ ก็ต้องรอฟังรอต่อไป ทั้งนี้ ยังเห็นว่ารัฐบาลต้องเปิดเผยพื้นที่ที่จะใช้รับน้ำหรือทำฟลัดเวย์ เพราะถ้ารอให้น้ำมาแล้วค่อยพูดคุยจะยิ่งบริหารได้ยาก จะต้องทำความเข้าใจล่วงหน้าโดยกำหนดกฏกติการ่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลใช้ชื่อการเดินทางครั้งนี้ ว่า เป็นทัวร์สร้างสุข คิดว่าจะสร้างความสุขให้ประชาชนได้จริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีคำตอบอย่างที่ได้ตั้งคำถามไป ก็อาจเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่มีคำตอบ ก็คิดว่าจะเป็นการเดินทางที่สูญเปล่า อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่น และให้คำตอบกับประชาชนที่มีความกังวลว่า พื้นที่บ้านบ้านเรือน ที่ทำกินของตัวเองจะกลายเป็นพื้นที่รองรับน้ำหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่า หากเป็นพื้นที่การเกษตรก็สามารถกำหนดข้อตกลงได้ว่า รัฐบาลพร้อมที่จะรับซื้อผลผลิตที่เสียหายทั้งหมด เชื่อว่าชาวบ้านคงไม่มีปัญหาเพราะทำเพื่อส่วนรวมและตนเองก็ไม่ได้เสียประโยชน์ ส่วนที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า หากมีการระบายน้ำจากเขื่อนเช่นในปัจจุบันจะทำให้จ.อยุธยา จมน้ำทั้งปีนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องชี้แจงคือแบบจำลอง ซึ่งพูดหลายครั้งแล้วว่าจำเป็นต้องมี เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำและจัดระบบข้อมูลให้ที่ความเชื่อโยงกัน แต่จากประสบการณ์ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่พร้อมในเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเปิดเผยพื้นที่รองรับน้ำและพื้นที่สร้างฟลัดเวย์อย่างโปร่งใสเพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อาจได้ประโยชน์และนายกฯเองก็เคยอยู่ในธุรกิจประเภทนี้ จึงต้องทำให้โครงการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือพื้นที่ต่างๆโปร่งใสและเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งทั้งหมดจะสร้างความมั่นใจว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของรัฐบาล แต่ถ้าตอบคำถามไม่ได้ก็จะมีความสงสัยตลอดไป
“นายกฯควรต้องรีบทำให้โปร่งใส ให้เกิดกความชัดเจนว่าแผนคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณี นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมายอมรับว่า นายกฯไปพบกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ในระหว่างปฏิบัติภารกิจลับนั้น เป็นเรื่องที่ต้องรีบอธิบายว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่ในการบริหารจัดการน้ำหรือไม่ มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เหตุใดจึงต้องไปพบปะในลักษณะนี้ ต้องถามว่า ทำไมต้องไปรับฟังจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลประโยชน์ส่วนได้ ส่วนเสียโดยตรง
