รมว.กลาโหม ย้ำพวกแก้ ม.112 พอได้แล้ว ชี้คนรู้แล้วว่าต้องการอะไร ไม่ห้ามก่อม็อบ 13 ก.พ. ติง “จตุพร” ไม่ควรกุปฏิวัติ ยันไม่มี ซัดไม่มีใครอยากทำ จี้หยุดพล่าม ฉะตื่นตูมเปล่าๆ แนะกระซิบบอกกันได้ สุดฮาซีไอเอมะกันบอกแดงแต่ไม่แจ้ง กห. ยังกะเด็กชายปลาบู่ - ทราบแล้วคาร์บอมบ์ปัตตานี
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของกองทัพต่อประเด็นทางการเมืองโดยเฉพาะเรื่องนิติราษฎร์ และการปฏิวัติว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องนิดเดียวว่าเมื่อมีการแก้รัฐธรรมนูญจะแก้มาตราใดบ้าง ซึ่งที่มีปัญหาอยู่คือมาตรา 112 ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นในส่วนบุคคล เพียงแต่คนที่ให้ความคิดเห็นเป็นผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งเขามีหน้าที่ในการปกป้องสถาบันอยู่แล้วเขาก็ให้ความเห็นในส่วนของเขา ถ้าเรามองกลับไปสู่ความจริง คือ หากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไรก็ออกมาอย่างนั้น ซึ่งตรงนี้เป็นเพียงแค่การวิพากษ์วิจารณ์กัน เพียงแต่ผู้วิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทหารได้แสดงความรู้สึกออกมา
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์เป็นอย่างนี้ทหารควรจะนิ่งเพื่อให้การเมืองนิ่งหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เขาก็พูดมาหลายครั้งแล้ว ตนคิดว่าต่อไปเขาคงไม่พูดมากแล้ว ก็พูดบ่อยแล้ว แต่ต้องมองไปยังฝ่ายคนที่ต้องการให้แก้ด้วย เพราะออกมาย้ำบ่อยมาก ตนคิดว่าเมื่อแสดงความคิดเห็นมาเป็นสิบครั้งแล้วก็น่าจะพอแล้ว สังคมรู้แล้วว่าอยากจะแก้เพื่อเหตุใด ส่วนฝ่ายที่ไม่อยากแก้ก็บอกมาแล้วว่าไม่อยากให้แก้เพราะเหตุใด ก็จบไปแล้ว ไม่ต้องมาแสดงออกทุกวัน ไม่อย่างนั้นก็เป็นอย่างนี้ หยุดบ้าง พอแล้วทั้ง 2 ฝ่ายหยุด แล้วฝ่ายเราก็ไม่ได้เป็นคนเริ่มอยู่แล้ว ฝ่ายทหารเมื่อกระทบเขาก็แสดงความคิดแค่ตรงนั้น ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้แก้แสดงออกมาเป็นเดือนแล้วก็น่าจะพอแล้ว ทราบแล้วว่าท่านอยากจะแก้ยังไง พอแล้ว รู้แล้วก็จบไป แต่ไม่ยอมจบเสียที ส่วนที่จะออกมาเดินขบวนในวันที่ 13 ก.พ.นี้เราก็บังคับไม่ได้ แต่ก็ดูตามกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อมีการออกมาแสดงความคิดเห็นจากกองทัพอาจทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่าทหารจะทำการปฏิวัติเหมือนที่นายจตุพรออกมากล่าวอ้างหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้นายจตุพรไม่ควรพูด เพราะขั้นตอนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นยาวเหยียด ไม่ใช่ว่านิติราษฏร์ออกมายื่นแล้วจะปฏิวัติ อย่างนั้นมันง่ายเกินไป ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้รับข้อมูลในเรื่องนี้ แต่มีกระบวนการตรวจสอบ ส่วนจะตรวจสอบอย่างไรคงไม่สามารถบอกได้ เป็นเรื่องภายใน ตนมีหน้าที่ไม่ให้มีการปฏิวัติ
“นายจตุพรพูดมากไปหน่อย ไม่สมควรพูดเรื่องนี้ ถ้าหยุดพูดได้ก็ยิ่งดี คำว่านึกว่า คิดว่า ได้ข่าวว่า มันทำให้เกิดปัญหาโลกแตกมาเยอะแล้ว เป็นกระต่ายตื่นตูมเปล่าๆ เราก็ดูกันไปว่ายังไง พูดไปหมดแล้ว ไม่อยากจะพูดซ้ำซากเรื่องปฏิวัติ แต่ไอ้ตู่ (จตุพร พรหมพันธุ์) พูดบ่อย หากเจอจะบอกว่าอย่าพูดมากได้หรือไม่ อย่าพูดเรื่องนี้เยอะ เพราะไม่ใช่สิ่งดี หากมีจริงก็มากระซิบบอกผมว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่นำมาพูดในขณะที่ประเทศชาติกำลังสร้างความปรองดอง ตอนนี้เหมือน 2 ตู่มาพูดคู่กัน ผมก็เหนื่อยหน่อย อย่างไรก็ตาม คิดว่าผมสามารถพูดกับนายจตุพรได้ ส่วนจะฟังหรือไม่ฟังก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะโตๆ กันแล้ว ผมก็สงสัยว่าหน่วยข่างกรองสหรัฐไปบอกจตุพรไม่บอกทางเรา มันก็ตลกดีเหมือนกัน” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า มีการอ้างถึงหน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า แค่อ้างถึงแล้วมันจริงหรือไม่ ก็พูดไปเรื่อย กระต่ายตื่นตูม ทั้งนี้การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมีอยู่แล้ว ตนได้พูดย้ำเสมอว่าการปฏิวัตินั้นไม่มี ไม่มีใครอยากทำ ต่อให้สุมหัวทั้ง 3 เหล่าทัพก็ไม่ทำหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำแล้ว ทุกวันนี้มีข่าวประเภทนึกว่า คาดว่า คิดว่า มันจึงเป็นอย่างนี้
เมื่อถามว่า นักการเมืองพยายามพูดถึงการปฏิวัติทุกวันนี้มีจุดประสงค์อะไรหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
เมื่อถามว่าจะไม่ให้การปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ถามมาร้อยครั้งจะให้ตนตอบว่าจะให่เกิดปฏิวัติหรืออย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องไม่มี ถามมากี่ครั้งก็ตอบแบบเดิม ทั้งประเทศชาติไม่มีใครอยากให้มี ทหารก็ไม่อยากทำ อย่าไปคุ้ยมาให้ผมยืนยันทุกวัน บ้านเรามันคุยกันครั้งเดียวไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร ต้องพูดกันร้อยที เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะสามารถขจัดความหวาดระแวง เรื่องการปฏิวัติให้กับนักการเมืองและประชาชนได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทำได้หากผู้สื่อข่าวให้ความร่วมมือ หากไม่ออกข่าวเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ก็จบไป แต่ข่าวออกทุกวันก็เป็นอย่างนี้ ข่าวที่เกิดขั้นก็เริ่มจากผู้สื่อข่าวก็ควรจะพูดให้น้อยๆหน่อยก็จะดี ไม่ใช่ย้ำแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขียนข่าวครึ่งหน้าแต่ประเด็นมีนิดเดียว เช่นข่าวนิติราษฎร์ถ้าลงทุกวันก็มาทุกวัน ถ้าไม่ลงข่าวไม่มีรูปภาพก็คงไม่มา สิ่งนี้ผู้สื่อข่าวต้องพิจารณาด้วย ช่วยๆกันหน่อย
ถามต่อว่ากระทรวงกลาโหมจะดำเนินการอย่างไรเนื่องจากเรื่องนี้มีความกระทบด้านความมั่นคง พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ต้องนิ่งบ้าง หากตนลงไปเล่นด้วยก็ไปกันใหญ่ ให้คู่ต่อสู้มีไม่แค่กี่คนก็พอ หากตนลงไปเล่นด้วยก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตนต้องนิ่งและมั่นคง อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้ประมาท
ส่วนการออกมากล่าวอ้างเช่นนี้จะกระทบต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวแบบติดตลกว่า จะเหมือนแบบเด็กชายปลาบู่หรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ พร้อมกับกล่าวต่อว่า เมื่อมีการออกข่าวในเรื่องนี้มีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว กระทรวงกลาโหมคงไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า นักการเมืองควรมีมารยาทในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ก็ไปดูในสภา ดูเอาก็แล้วกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานแล้วทราบว่าเป็นคาร์บอมบ์ในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเข้าใจว่าความรับผิดชอบในภาคใต้ไม่ใช่หน่วยเดียวที่รับผิดชอบ แต่ภาพที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกเพียงหน่วยงานเดียว ดังนั้นต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าทุกหน่วยทำงานเต็มที่หรือยังทั้งในส่วนของทหาร และตำรวจ ทั้งนี้ผู้ปฏิบัติในสายของ กอ.รมน.ต้องดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งต้องทบทวนแต่ไม่ต้องสั่งการอะไร ตนเพียงมอนิเตอร์และถามไถ่เท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ค่อยหารือกันอีกครั้ง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่ต้องดิ้นมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ทาง ผบ.ทบ.ก็ยุ่งแล้ว ตนไม่ต้องไปถามหรือไปเยี่ยมในเวลานี้ ทำให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่มมาคุ้มกัน มันเสียเวลาถึงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยเดินทางไป