xs
xsm
sm
md
lg

“ชูวิทย์” ยันคลิป “ชัยวัฒน์” ยิ่งแฉยิ่งตาย ท้าพิสูจน์ในศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหนัรักประเทศไทย ร้องขอให้มีการตรจวสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการ ปปช.คือ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์
“ชูวิทย์” เปรียบตัวเองเป็นเจ้าอาวาส ยอมไม่ได้ “ชัยวัฒน์” พระลูกวัดจะทำผิด แนะให้แยกออกจากความเป็นเพื่อน ขู่ยิ่งแฉคลิปยิ่งตาย ขอพิสูจน์ในชั้นศาล ชี้ระบบการเมืองไทยเฮงซวยเล่นพวกมากลากไป หากพรรคจะถูกยุบขอยุบด้วยมือตัวเอง เย้ยหากไม่มีตน “ชัยวัฒน์-โปรดปราน” หาทางเข้าสภาฯ ไม่เจอ


วันนี้ (8 ก.พ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้นำคลิปวิดีโอการสนทนาถึงการผลักดันโครงการสร้างถนนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ของนายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย และอดีตเลขาธิการพรรคออกมาเปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ตนเป็นคนไม่ชอบเล่นการเมือง ซึ่งตนและนายชัยวัฒน์เป็นเพื่อนกันมา แต่ตอนนี้มีอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกัน ก็เปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลคณะรัฐมนตรี หากคนในคณะทำไม่ดีแล้วไปสมรู้ร่วมคิด ก็เหมือนพายเรือให้โจรนั่ง สถานการณ์ตอนนี้ของนายชัยวัฒน์เหมือนกับตนเป็นเจ้าอาวาส นายชัยวัฒน์เป็นพระในวัด หากพระมาบอกกับเจ้าอาวาสว่าจะเอาเด็กอายุ 15 มาข่มขืน ตนก็ต้องออกมาเปิดเผยความจริง

ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ออกมาปฏิเสธคลิปดังกล่าวว่าไม่ใช่ของจริง และมีการตัดต่อขึ้นนั้น นายชูวิทย์กล่าวว่า คลิปมีความยาวถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งสามารถเปิดฉายในโรงหนังเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งได้เลย คลิปที่ตนเอามาเปิดนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากตนเปิดคลิปชุดเต็ม ยิ่งเปิดนายชัยวัฒน์จะยิ่งตาย แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นการตัดต่อก็ไม่เป็นไร เพราะตนส่งคลิปฉบับเต็มให้กับทาง ป.ป.ช.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว ก็ค่อยไปดูข้อเท็จจริงกันในศาล

นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า สถานะความเป็นเพื่อน กับสถานะความเป็นหัวหน้าพรรคจะต้องแยกออกจากกัน ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง ตนไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัว อย่างกรณีของนายโปรดปราน โต๊ะราหนี ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครักประเทศไทย ก็ขอให้ระวังให้ดี เพราะตนยังมีคลิปอีกชุดหนึ่งที่เป็นชุดของนายโปรดปราน อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าหากพรรคนี้จะถูกยุบ ตนก็จะเป็นผู้ยุบพรรคเอง

นายชูวิทย์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบพรรคการเมืองของประเทศไทยเป็นระบบที่เฮงซวย เป็นระบบพวกมากลากไป ซึ่งถ้าคนไทยต้องการระบบแบบนี้ ตนก็จะขอลาออก เพราะตนคงรับไม่ได้กับการที่เอางบประมาณไปลงไว้ที่จังหวัดบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต ส่วนตัวตนคิดว่า หากตนไม่เล่นการเมือง ทั้งสองคนก็คงไม่สามารถเข้ามาในสภาฯ ได้ คนหนึ่งคงกลับไปเย็บมุ้งขาย อีกคนคงกลับไปขายโรตี


กำลังโหลดความคิดเห็น