ผบ.ทร.เผย เหล่าทัพจับตาพวกแก้ ม.112 กระทบความมั่นคงหรือไม่ ชี้ ทำไปไม่เกิดประโยชน์ จี้หยุดได้แล้ว รับ “สุกำพล” เรียกแจงโครงการกองทัพ กว่า 6 พันล้าน โยนพิจารณาเรือดำน้ำมือ 2
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพเรือต่อกรณีที่กลุ่มนิติราษฎร์ ครก.112 ออกมาเคลื่อนไหวให้แก้ไขประมวลกฏหมายอาญา ม.112 ว่า เรื่องนี้มีการพูดกันมาก ตนอยากให้พิจารณากันให้มาก ประเทศอยู่มาถึงจุดนี้ เราต้องมีอดีต วีรบุรุษ บูรพกษัตริย์เจ้า มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ในอดีตท่านประกอบคุโณปการต่างๆ ด้านความมั่นคงของประเทศชาติเราต้องรักษาเทิดทูนไว้ และคิดว่า ควรจะหยุดได้แล้วเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และความปรองดอง
“ผมคิดว่าแต่ละเหล่าทัพก็เฝ้าดูความเคลื่อนไหวว่าจะกระทบความมั่นคงของประเทศชาติหรือเปล่า ส่วนตัวผมก็เห็นสอดคล้องกับประชาชนส่วนใหญ่ที่มองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย” พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้กระแสเรียกร้องขยายวงกว้าง มีการล่ารายชื่อประชาชนในต่างจังหวัด ผบ.ทร.กล่าวว่า ต้องถามว่าเราต้องการความปรองดองและความสงบสุขของประเทศชาติหรือไม่ และไม่แค่พูดกัน แต่ต้องทำด้วย มีหลายเรื่องที่ต้องทำก่อน เช่น ภัยพิบัติ การป้องกันในหลายเรื่อง ประเทศชาติของเราจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งต้องอาศัยความมั่นคง ความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เมื่อถามว่า ควรจะหยุดการเคลื่อนไหวแล้วใช่หรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าควรจะหยุดได้ตั้งนานแล้ว
นอกจากนี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เชิญตนไปพบเพื่อชี้แจงถึงโครงการของกองทัพเรือที่ค้างอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งได้ชี้แจงและได้ตอบข้อซักถามให้ท่านได้รับทราบแล้ว ท่านคงพิจารณาอีกครั้งเพื่อความรอบคอบโดยรวมถึงโครงการจัดหาเรือดำน้ำมือสองจากประเทศเยอรมันด้วย ส่วนรมว.กลาโหมจะผลักดันหรือไม่นั้น ตนคิดว่าโครงการต่างๆ ทำเพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพเรือในการทำงานเพื่อประเทศโดยรวม ซึ่งรายละเอียดของโครงการก็เป็นไปตามเดิมที่เสนอไป
มีรายงานว่า สำหรับโครงการที่กองทัพเรือชี้แจงต่อ รมว.กลาโหม มีทั้งหมด 3 โครงการ คือ 1.โครงการจัดหาเรือดำน้ำ มือสอง U-206 จำนวน 4 ลำ วงเงิน 5.5 พันล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงระบบอำนวยการรบบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เชื่อมต่อกับระบบ network centric วงเงิน 934 ล้านบาท 3.โครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ crew boat เข้าประจำการในกองเรือลำน้ำจำนวน 3 ลำ วงเงิน 400 ล้านบาท
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตเชียงราย พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพเรือต่อกรณีที่กลุ่มนิติราษฎร์ ครก.112 ออกมาเคลื่อนไหวให้แก้ไขประมวลกฏหมายอาญา ม.112 ว่า เรื่องนี้มีการพูดกันมาก ตนอยากให้พิจารณากันให้มาก ประเทศอยู่มาถึงจุดนี้ เราต้องมีอดีต วีรบุรุษ บูรพกษัตริย์เจ้า มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ในอดีตท่านประกอบคุโณปการต่างๆ ด้านความมั่นคงของประเทศชาติเราต้องรักษาเทิดทูนไว้ และคิดว่า ควรจะหยุดได้แล้วเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และความปรองดอง
“ผมคิดว่าแต่ละเหล่าทัพก็เฝ้าดูความเคลื่อนไหวว่าจะกระทบความมั่นคงของประเทศชาติหรือเปล่า ส่วนตัวผมก็เห็นสอดคล้องกับประชาชนส่วนใหญ่ที่มองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย” พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้กระแสเรียกร้องขยายวงกว้าง มีการล่ารายชื่อประชาชนในต่างจังหวัด ผบ.ทร.กล่าวว่า ต้องถามว่าเราต้องการความปรองดองและความสงบสุขของประเทศชาติหรือไม่ และไม่แค่พูดกัน แต่ต้องทำด้วย มีหลายเรื่องที่ต้องทำก่อน เช่น ภัยพิบัติ การป้องกันในหลายเรื่อง ประเทศชาติของเราจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งต้องอาศัยความมั่นคง ความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เมื่อถามว่า ควรจะหยุดการเคลื่อนไหวแล้วใช่หรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าควรจะหยุดได้ตั้งนานแล้ว
นอกจากนี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เชิญตนไปพบเพื่อชี้แจงถึงโครงการของกองทัพเรือที่ค้างอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งได้ชี้แจงและได้ตอบข้อซักถามให้ท่านได้รับทราบแล้ว ท่านคงพิจารณาอีกครั้งเพื่อความรอบคอบโดยรวมถึงโครงการจัดหาเรือดำน้ำมือสองจากประเทศเยอรมันด้วย ส่วนรมว.กลาโหมจะผลักดันหรือไม่นั้น ตนคิดว่าโครงการต่างๆ ทำเพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพเรือในการทำงานเพื่อประเทศโดยรวม ซึ่งรายละเอียดของโครงการก็เป็นไปตามเดิมที่เสนอไป
มีรายงานว่า สำหรับโครงการที่กองทัพเรือชี้แจงต่อ รมว.กลาโหม มีทั้งหมด 3 โครงการ คือ 1.โครงการจัดหาเรือดำน้ำ มือสอง U-206 จำนวน 4 ลำ วงเงิน 5.5 พันล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงระบบอำนวยการรบบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เชื่อมต่อกับระบบ network centric วงเงิน 934 ล้านบาท 3.โครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ crew boat เข้าประจำการในกองเรือลำน้ำจำนวน 3 ลำ วงเงิน 400 ล้านบาท