ผู้ตรวจฯ เช็กสภาพอากาศศูนย์ราชการ พบก๊าซพิษสูงเกินค่ามาตรฐาน

ผู้ตรวจฯ ประสานกรมควบคุมมลพิษตรวจสภาพอากาศศูนย์ราชการฯ หลังรายงานผลตรวจสอบบริษัทเอกชนระบุพบปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าค่ามาตรฐานในทุกสำนักงาน มากสุดห้อง ปธ.ผู้ตรวจ

วันนี้ (25 ม.ค.) นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังนำคณะของนางพัชราวดี สุวรรณธาดา ผอ.ส่วนคุณภาพอากาศในบรรยากาศ กรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจและติดตั้งเครื่องมือวัดคุณภาพอากาศภายในสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เนื่องจากก่อนนี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษษยชนแห่งชาติ ที่เป็นที่ตัวแทนของ 29 หน่วยงานภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ ถึงการบริหารอาคารของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ในเรื่องของรถรับส่งภายในศูนย์ราชการ ร้านอาหารที่ไม่เพียงพอ มีราคาแพง ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยหาทางแก้ไขแล้ว โดยทาง ธพส.รับว่าจะมีการจัดศูนย์อาหารให้เพียงพอ และในเรื่องความสะอาดก็ได้มีการกำชับให้ผู้รับเหมาะดูแลทำความสะอาดให้มากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนในเรื่องของปัญหามลภาวะอากาศและฝุ่นละอองนั้น ได้รับทราบจากนายวีรวิทย์ วีระวรวิทย์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ถึงผลการให้ Dr.Jackson Tseng Chia-Hsin ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพอากาศจาก Piahstreams Consultant Services, INC. USA มาทำการตรวจวัดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่นละอองภายในอาคารบริเวณชั้น 1, 5, 7 และ 9 ของทุกสำนักงานเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ไม่มีส่วนไหนเลยที่ผ่านเกณฑ์ตามค่ามาตรฐาน กล่าวคือ ค่ามาตรฐานมีค่ากำหนดของปริมาณฝุ่นละอองอยู่ที่ 350 ไมครอนต่อตารางเมตร ค่าต่ำที่สุดของอาคารนี้ยังมากเป็น 2 เท่าของค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะห้องประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชั้น 9 ซึ่งตรวจพบในปริมาณที่มากที่สุด 4,337 ไมครอนต่อตารางเมตร

นอกจากนั้นยังพบความชื้นในอากาศไม่สมดุล ทำให้เกิดน้ำหยดลงมาจากท่อแอร์ การที่น้ำหยดลงมาทำให้เกิดความชื้นขึ้น ส่งผลโดยตรงต่ออุปกรณ์เครื่องตกแต่งสำนักงาน ความชื้นทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เชื้อไวรัส และเชื้อรา แม้เชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ในอากาศไม่กี่ชั่วโมง แต่ถ้าเชื้อไวรัสไปเกาะกับเชื้อราจะมีอายุได้นานถึง 6 เดือน และที่เลวร้ายกว่านั้น ความชื้นส่งผลทางปฏิกริยาเคมีกับวัสดุตกแต่งสำนักงานทำให้เกิดสารพิษขึ้นได้ และ Dr. Jackson ได้ไปตรวจสอบห้องทำความเย็นควบแน่น ปรากฏว่ามีน้ำหยดตลอดเวลา ฝ้าเพดาน มีความชื้นสูง และฝ้าบางส่วนมีการทาสีทับใหม่ ซึ่งการทาสีใหม่ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการปกปิดปัญหา และจะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น เนื่องจากความชื้นที่สูงมากจะไปทำปฏิกริยาทางเคมีกับสีทาภายในวัสดุตกแต่งสำนักงาน ทำให้เกิดมลพิษในอากาศได้

และเนื่องจากอาคารนี้เป็นระบบปิด หากมีเชื้อราปนเปื้อนในอากาศก็จะไหลเวียนอยู่ภายในอาคาร ทำให้เราสูดหายใจแต่อากาศที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกตลอดเวลา และเชื้อรายังสามารถแพร่กระจายได้จากช่องลิฟท์ที่มีการอัดอากาศขึ้นลงระหว่างชั้น ทุกครั้งที่มีการใช้ลิฟท์ เชื้อโรคจึงแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของอาคารได้ โดยขณะนี้ทาง Dr.Jackson ได้ทำการส่งเชื้อราที่ตรวจพบไปทำการตรวจสอบที่สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทราบถึงชนิดจะได้ทำการแก้ไข

แต่ทั้งนี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นว่า เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องจึงสมควรที่จะต้องให้หน่วยงานกลางมาทำการตรวจสอบจึงประสานไปยังกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารทั้งหมด และหากพบว่าจุดไหนมีค่าเกินมาตรฐานก็จะมีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดเพื่อเก็บข้อมูลซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน

“อยากให้ทุกคนอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ว่าที่ไอ จาม และไม่สบายกันมากมาจากปัญหานี้จริงหรือเปล่า ซึ่ง ผู้ตรวจฯก็เห็นถ้าเอาคนกลางมาตรวจยืนยันอีกครั้งผลออกมาอย่างไรก็จะได้ยอมรับกันได้ ถ้าออกมาว่าค่าอากาศอยู่ในรระดับมาตรฐานก็จะได้สบายใจกัน แต่ถ้าออกมาไม่ดีก็จะได้พูดคุยกับ ธพส.และกระทรวงการคลังในฐานะผู้กำกับดูแลให้ดำเนินการปรับปรุง เพราะที่นี่เป็นอากาศที่ใช้ระบบปรับอากาศเป็นส่วนกลาง แล้วมีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการทำงานเป็นหมื่นๆ คน หากสภาพอากาศไม่ดีก็จะทำให้เกิดปัญหา”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ฝ้าเพดานบางจุดมีคราบเชื้อรา และพบรอยแยกของผนังด้วย