"ยิ่งลักษณ์" แนะเด็กเรียนรู้รอบด้านสร้างปัญญา คงรักษาเอกลักษณ์ไทย เท่าทันเทคโนโลยี เน้นจุดแข็งที่แตกต่างพัฒนาการศึกษา อ้างแจกแท็บเล็ต ป.1 แค่เสริมให้เด็กคุ้นคอมฯ สั่ง ศธ.สอนเสริมภาษาอังกฤษรองรับประชาคมอาเซียน พร้อมเสริมอุปกรณ์ช่วยคนพิการ ยันรัฐฟังเสียงเยาวชน
วันนี้ (14 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยมีการพบปะกับตัวแทนเด็กจากภาคส่วนต่างๆ พร้อมอธิบายความหมายของคำขวัญวันเด็ก "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" ด้วยการแบ่งปันความเอื้ออาทรแก่กัน รวมทั้งการเรียนรู้อย่างรอบด้าน ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถ่องแท้ และเกิดปัญญาตามมา รวมทั้งคงรักษาเอกลักษณ์ไทย แต่เท่าทันเทคโนโลยีต่างๆ สำหรับ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในอนาคต นั้น ควรนำความต้องการของเด็กและเยาวชนมาเป็นตัวตั้งในการพัฒนาเด็กในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาที่ควรพัฒนาจุดแข็งที่แตกต่างของเด็ก ซึ่งพ่อแม่ ครูอาจารย์ ต้องช่วยเสริมและพัฒนาในจุดนั้นๆ พร้อมปรับแก้จุดอ่อน เพราะเด็กทุกคนย่อมมีศักยภาพที่แตกต่างกัน ส่วนการแจกแท็ปเล็ตพีซีให้กับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นเพียงตัวเสริมการเรียนรู้ ให้เด็กได้คุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ และรู้จักเรียนรู้ทั้งดีและหลีกเลี่ยงด้านไม่ดีของเทคโนโลยี
นายกฯ ยังกล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษา เพื่อรองรับการที่ไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ว่า จะเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ และปรับปรุงเรื่องความรู้รอบตัว สำหรับการช่วยเหลือการศึกษาขั้นพื้นฐานของผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ต้องช่วยเสริมด้านอุปกรณ์ต่างๆ สร้างความเสมอภาคในการเรียนรู้ ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าไปดูแลแล้ว
นายกฯ ยังให้ข้อคิดเห็นกับเด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ว่า เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และเชื่อมั่นว่าเยาวชนทุกคนมีความรู้ความสามารถ ซึ่งผู้ใหญ่และผู้ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการดึงศักยภาพของเยาวชนออกมาและให้ความสำคัญกับทุกด้าน พร้อมกับเปิดโอกาสให้เยาวชนมีเวทีในการแสดงออก ทั้งนี้ ขอบคุณผู้ปกครองและคุณครูที่มีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรของประเทศไทย ยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญและรับฟังเสียงจากเยาวชนเพื่อการพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้เยาวชนที่ร่วมรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" สะท้อนความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงาน พร้อมขอบคุณที่เปิดโอกาสให้นักเรียนกลุ่มการศึกษาพิเศษได้มีโอกาสเรียนหนังสือเหมือนกับเด็กทั่วไป