ศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำร้อง ผู้ป่วยโรคบวมเหลืองรวม 13 คน ฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล หลังยกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ เหตุคำสั่ง ม.มหิดล เป็นคำสั่งภายในและผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายจากการยกเลิกคำสั่งภายใน อีกทั้งโรคบวมเหลืองยังใช้วิธีอื่นรักษาได้
วานนี้ (6 ม.ค.) องค์คณะศาลปกครองกลางที่มีนายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการศาลปกครองกลาง เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ฟ้องคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กรณีออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะไว้พิจารณา โดยเหตุของการไม่รับคำฟ้องระบุว่า เนื่องจากประกาศคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ลงวันที่ 14 ต.ค.54 ที่ยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองดังกล่าว เป็นเพียงการบริหารงานภายในของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ยังไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของนางสมจิตและพวกในการได้รับการรักษาโรคบวมน้ำเหลือง เนื่องจากนางสมจิตและพวกยังคงมีสิทธิเข้ารับการรักษาโรคบวมเหลืองด้วยวิธีการอื่นนอกจากวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ดังนั้น นางสมจิตและพวกจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยตรงจากประกาศดังกล่าวซึ่งจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลตามมาตรา 42 วรรคหนึ่งของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง 2542 การที่ศาลจะมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมา จึงเป็นการดำเนินกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 จึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว นางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลฯเมื่อวันที่ 25 ต.ค.54 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย.54 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยในวันที่ 15 ธ.ค.ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณีเพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาของนางสมจิตและพวก แต่แล้ววานนี้ (6 ม.ค.) ศาลก็กลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วย
วานนี้ (6 ม.ค.) องค์คณะศาลปกครองกลางที่มีนายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการศาลปกครองกลาง เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ฟ้องคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กรณีออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะไว้พิจารณา โดยเหตุของการไม่รับคำฟ้องระบุว่า เนื่องจากประกาศคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ลงวันที่ 14 ต.ค.54 ที่ยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองดังกล่าว เป็นเพียงการบริหารงานภายในของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ยังไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของนางสมจิตและพวกในการได้รับการรักษาโรคบวมน้ำเหลือง เนื่องจากนางสมจิตและพวกยังคงมีสิทธิเข้ารับการรักษาโรคบวมเหลืองด้วยวิธีการอื่นนอกจากวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ดังนั้น นางสมจิตและพวกจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยตรงจากประกาศดังกล่าวซึ่งจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลตามมาตรา 42 วรรคหนึ่งของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง 2542 การที่ศาลจะมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมา จึงเป็นการดำเนินกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 จึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว นางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลฯเมื่อวันที่ 25 ต.ค.54 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย.54 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยในวันที่ 15 ธ.ค.ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณีเพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาของนางสมจิตและพวก แต่แล้ววานนี้ (6 ม.ค.) ศาลก็กลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วย