กกต.เปิดชื่อ 8 ผู้สมัครชิงเลขา กกต.มีทั้งคนใน-คนนอก เผย มี 4 แคนดิเนตวงในร่วมชิง คาดได้เข้าวิน ด้านรักษาการเลขาฯ ระบุ ก.พ.ได้แม่บ้านแน่ ขณะที่ กกต.ชุดปัจจุบันเหลือวาระการดำรงตำแหน่งอีกแค่ 2 ปี
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.รักษาการแทนเลขาธิการ กกต.เปิดเผยว่า จากการที่ กกต.ได้เปิดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต.แทนตำแหน่งที่ว่างนับตั้งแต่วันที่ 6-30 ธ.ค.ปรากฏว่า มีผู้ยื่นใบสมัครเข้ารับการสรรหาทั้งสิ้น 8 คน ประกอบด้วย 1.นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ที่ปรึกษานายทะเบียนพรรคการเมือง อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร 2.นายอรรณพ ลิขิตจิตถะ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 3.นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการการมีส่วนร่วม 4.นายวรัญชัย โชคชนะแกนนำกลุ่มพลังประชาธิปไตย 5. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงาน กกต.6.พล.ต.ไชยวัฒน์ บางประภา กรรมการสัตวแพทย์และผู้ประนีประนอมข้อพิพากษาศาลอาญา 7.นายกรสัณห์ กันยะพงศ์ รองประธานผู้ประนีประนอมศาลยุติธรรม และ 8.นางอัมพร นิติสิริ อดีตอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยขั้นตอนต่อไปคณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ที่มี นายเกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร ที่ปรึกษา กกต.เป็นประธานจะได้ทำการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครทุกคน และจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถคัดเลือกพร้อมแต่งตั้งเลขาธิการกกต.คนใหม่แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.55
รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า การเปิดรับสมัครเลขาธิการ กกต.ครั้งนี้เป็นที่สนใจ และตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ของบรรดาพนักงาน กกต.ไม่ต่างจากการเปิดรับสมัครเลขาธิการ กกต.ในอดีตที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์กันว่า แม้จะมีผู้ลงสมัคร 8 คน แต่แคนดิเนตในตำแหน่งนี้มีเพียง 4 คน คือ นายพงศ์ศักติฐ์ นายอรรณพ นายภุชงค์ นางอัมพร ที่มีแรงสนับสนุนทั้งจาก กกต.และภายนอก ซึ่งในแง่ความรู้สึกของพนักงานแล้วต่างเห็นว่า ปัจจุบันสำนักงานมีปัญหาทั้งเรื่องของโครงสร้างและการบริหารงาน สวัสดิการต่างๆ ซึ่ง กกต.ควรพิจารณาเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในเชิงบริหารเข้ามาทำหน้าที่ ไม่ใช่พิจารณาโดยยึดหลักว่าจะเลือกคนที่พร้อมสนองต่อความต้องการของกกต.แต่ละคนเท่านั้น เพราะ กกต.เหลือวาระการทำงานอีกเพียง 2 ปี ขณะที่สำนักงานจะต้องดำรงอยู่ต่อไป จึงควรที่จะเลือกเลขากกต.ใหม่โดยยึดประโยชน์ของสำนักงานและพนักงานกกต.เป็นหลัก แต่ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากรายชื่อแคนดิเนตและเงื่อนไขในร่างสัญญาจ้างเลขาธิการ กกต.คนใหม่ที่ผ่านมติ กกต.ไปแล้ว ทำให้พนักงานกกต. ต่างมองว่า กกต.จะเลือกบุคคลที่สนองต่อความต้องการของ กกต.มากกว่า
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.รักษาการแทนเลขาธิการ กกต.เปิดเผยว่า จากการที่ กกต.ได้เปิดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต.แทนตำแหน่งที่ว่างนับตั้งแต่วันที่ 6-30 ธ.ค.ปรากฏว่า มีผู้ยื่นใบสมัครเข้ารับการสรรหาทั้งสิ้น 8 คน ประกอบด้วย 1.นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ที่ปรึกษานายทะเบียนพรรคการเมือง อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร 2.นายอรรณพ ลิขิตจิตถะ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 3.นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการการมีส่วนร่วม 4.นายวรัญชัย โชคชนะแกนนำกลุ่มพลังประชาธิปไตย 5. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงาน กกต.6.พล.ต.ไชยวัฒน์ บางประภา กรรมการสัตวแพทย์และผู้ประนีประนอมข้อพิพากษาศาลอาญา 7.นายกรสัณห์ กันยะพงศ์ รองประธานผู้ประนีประนอมศาลยุติธรรม และ 8.นางอัมพร นิติสิริ อดีตอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยขั้นตอนต่อไปคณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ที่มี นายเกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร ที่ปรึกษา กกต.เป็นประธานจะได้ทำการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครทุกคน และจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถคัดเลือกพร้อมแต่งตั้งเลขาธิการกกต.คนใหม่แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.55
รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า การเปิดรับสมัครเลขาธิการ กกต.ครั้งนี้เป็นที่สนใจ และตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ของบรรดาพนักงาน กกต.ไม่ต่างจากการเปิดรับสมัครเลขาธิการ กกต.ในอดีตที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์กันว่า แม้จะมีผู้ลงสมัคร 8 คน แต่แคนดิเนตในตำแหน่งนี้มีเพียง 4 คน คือ นายพงศ์ศักติฐ์ นายอรรณพ นายภุชงค์ นางอัมพร ที่มีแรงสนับสนุนทั้งจาก กกต.และภายนอก ซึ่งในแง่ความรู้สึกของพนักงานแล้วต่างเห็นว่า ปัจจุบันสำนักงานมีปัญหาทั้งเรื่องของโครงสร้างและการบริหารงาน สวัสดิการต่างๆ ซึ่ง กกต.ควรพิจารณาเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในเชิงบริหารเข้ามาทำหน้าที่ ไม่ใช่พิจารณาโดยยึดหลักว่าจะเลือกคนที่พร้อมสนองต่อความต้องการของกกต.แต่ละคนเท่านั้น เพราะ กกต.เหลือวาระการทำงานอีกเพียง 2 ปี ขณะที่สำนักงานจะต้องดำรงอยู่ต่อไป จึงควรที่จะเลือกเลขากกต.ใหม่โดยยึดประโยชน์ของสำนักงานและพนักงานกกต.เป็นหลัก แต่ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากรายชื่อแคนดิเนตและเงื่อนไขในร่างสัญญาจ้างเลขาธิการ กกต.คนใหม่ที่ผ่านมติ กกต.ไปแล้ว ทำให้พนักงานกกต. ต่างมองว่า กกต.จะเลือกบุคคลที่สนองต่อความต้องการของ กกต.มากกว่า
